นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. จะเชิญหน่วยงานด้านนโยบายเศรษฐกิจจากกระทรวงอื่นมาร่วมหารือกันช่วงหลังสงกรานต์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมกันหารือแนวทางการดำเนินการในด้านต่างๆ เพื่อให้ได้ทิศทางที่เป็นเอกภาพ ตามที่รองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลอย่างใกล้ชิดและศึกษาผลดีผลเสียของปัญหาสงครามการค้าที่กำลังคุกรุ่นอยู่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ว่าจะกระทบกับอย่างไรบ้าง และ ควรรับมืออย่างไร ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับนั้น
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือ สนค. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) และ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และอาจจะเชิญหน่วยงานระดับกรมอื่นมาด้วย เพื่อให้เห็นภาพทั้งหมด
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า ปกติหน่วยงานระดับกรมที่ดูแลด้านนโยบายและวิชาการของ 4 กระทรวง คือ คลัง เกษตร อุตสาหกรรม และพาณิชย์ เราจะมีการประชุมกันเป็นครั้งคราวอยู่แล้วเพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยมี สศค. ของกระทรวงการคลังเป็นแกนนำหลัก แต่ในการประชุมครั้งหน้า สนค.ของพาณิชย์รับจะเป็นเจ้าภาพให้ เพื่อร่วมกันพิจารณาการรับมือสงครามการค้า ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเกี่ยวข้องโดยตรงกว่าหน่วยงานอื่น
"ครั้งหน้านี้ คิดว่าจะเชิญผู้แทนจาก ธปท. มาด้วย เพราะมีแง่มุมที่เกี่ยวกับ ธปท. หลายเรื่องวัตถุประสงค์เบื้องต้นคงจะเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันก่อน เพราะจากที่คุยกันพบว่า ทุกหน่วยงานต่างก็กำลังติดตามวิเคราะห์เรื่องนี้อยู่จากมุมมองของกระทรวงตน ซึ่งถ้านำมารวมกันได้ก็จะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่า ไทยยืนอยู่ตรงไหนในเรื่องนี้ และควรมีท่าทีอย่างไร หลังจากนั้น อาจจะเป็นการหารือกันในประเด็นเชิงนโยบายเพื่อจะได้ร่วมกันเสนอแนวทางให้กับระดับนโยบายพิจารณาต่อไป"น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว
ทั้งนี้ สนค. จะจัดการหารือกลุ่มเล็กในระดับเจ้าหน้าที่กันก่อน เพื่อนำข้อมูลมากางดูว่าแต่ละหน่วยงาน มีอะไรบ้าง และสรุปประเด็นพิจารณาสำคัญ ซี่งนอกจากหน่วยงานวิชาการที่เป็น core แล้ว อาจจะเชิญกรมต่าง ๆ ในกระทรวงพาณิชย์และในกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องมาด้วยพร้อมกัน หลังจากนั้น จึงจะเป็นการประชุมหารือในระดับหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อไป คาดว่าจะมีการประชุมดังกล่าวในช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้