นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 3-4 เมยที่ผ่านมา กรมฯ ได้ประชุมหารือร่วมกับสำนักงานพาณิชย์ชายแดนภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าและอัพเดทข้อมูลกฎระเบียบ มาตรการทางการค้าและการให้บริการทางการค้าต่างประเทศของกรมฯ เพื่อให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดรับทราบหรือสอบถามประเด็นข้อสงสัย
นอกจากนี้ ยังมีการหารือประเด็นปัญหาการค้าชายแดนในพื้นที่ภาคเหนือระหว่างไทย-เมียนมา-สปป.ลาว รวมถึงการค้าผ่านแดนไทย-จีน และเวียดนาม เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา อุปสรรค และเร่งรัดผลักดันสู่เป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนในปี 2561 ที่มีเป้าหมายขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 15% หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 1.5 ล้านล้านบาท
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ได้เดินทางไปศึกษาสำรวจการขนส่งสินค้าทางแม่น้ำโขง ณ ท่าเรือเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อหารือกับนายด่านศุลกากรเชียงแสนและศึกษาศักยภาพการให้บริการด้านโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการของไทยและจีน ซึ่งที่ผ่านมาเพิ่งมีการส่งออกไก่แช่แข็งของไทยไปทางแม่น้ำโขงสู่จีน จากนั้นได้ศึกษาดูงานสภาพการค้าชายแดน พิธีการนำเข้า-ส่งออกทางบก ณ ด่านศุลกากรเชียงของ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าบนถนน R3A ผ่าน สปป.ลาว ไปยังมณฑลยูนนานของจีน และสินค้าจากจีนจะขนส่งผ่าน สปป.ลาว เข้าสู่ประเทศไทยผ่านถนนเส้นนี้เช่นกัน รวมทั้งได้หารือกับนายด่านศุลกากรเชียงของ เพื่อร่วมกันหาแนวทางอำนวยความสะดวกทางการแก่ผู้ประกอบค้าชายแดนและผ่านแดน
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีการค้าชายแดนมาอย่างยาวนานและถือเป็นประตูการค้าที่สำคัญสู่ประเทศเพื่อนบ้านถึง 2 ประเทศ คือ เมียนมา และ สปป.ลาว รวมถึงมีการค้าผ่านแดนไปยังมณฑลยูนนานทางตอนใต้ของจีน โดยจังหวัดเชียงรายมีจุดผ่านแดนถาวร 6 แห่ง และจุดผ่อนปรนตลอดแนวชายแดนของจังหวัดอีก 9 แห่ง ซึ่งการค้าระหว่างเชียงราย-เมียนมา ในปี 2560 มีมูลค่า 11,447 ล้านบาท การค้าระหว่างเชียงราย-สปป.ลาว 12,090 ล้านบาท และการค้าระหว่างเชียงราย-จีนตอนใต้ 12,022 ล้านบาท รวมทั้งสามประเทศ มูลค่า 35,559 ล้านบาท
ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศจะบูรณาการร่วมกับสำนักงานพาณิชย์ชายแดนภาคเหนือ 8 จังหวัด เพื่อขยายการค้าชายแดนและผ่านแดนไปยังเมียนมา สปป.ลาว และจีนตอนใต้ รวมทั้งเวียดนามให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะเร่งรัดแก้ไขปัญหาอุปสรรคและอำนวยความสะดวกทางการค้า/โลจิสติกส์ต่อไป