พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวผ่านรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน"ว่าเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ธนาคารโลกได้เปิดเผยรายงานตามติดเศรษฐกิจไทยฉบับล่าสุด ซึ่งได้มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2561 นี้ ร้อยละ 4.1 ซึ่งถือเป็นการเติบโตในอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา และสอดคล้องกับการปรับประมาณการเศรษฐกิจล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยการเติบโตอย่างรวดเร็วของการส่งออกเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมและการนำเข้าสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้นได้ส่งสัญญาณว่า การบริโภคในประเทศกำลังฟื้นตัว การปฏิรูปกฎระเบียบ รวมถึงเสถียรภาพของนโยบายเศรษฐกิจในความเชื่อมั่นทางธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มการแข่งขันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการ เป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นนวัตกรรมและยกระดับประเทศไทยให้ก้าวไปสู่เส้นทางการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ที่สูงขึ้นในระยะยาวได้
รวมทั้งเน้นถึงความสำคัญของนวัตกรรมที่ส่งผลต่อการเติบโตระยะยาว โดยดัชนีนวัตกรรมโลกได้จัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 52 จาก 128 ทั่วโลกเมื่อปี พ.ศ. 2560 นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีโอกาสจะดึงดูดผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูง และส่งเสริมการลงทุนด้านนวัตกรรมทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรกับนวัตกรรม อีกด้วย
"ธนาคารโลกมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเพิ่มผลิตภาพและยังสามารถเติบโตได้เร็วขึ้นอีกในระยะต่อไป หากมีการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมอย่างจริงจัง อีกทั้งการปฏิรูปการศึกษาและทักษะการดำเนินการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพให้เป็นรูปธรรม รวมถึงการเพิ่มการแข่งขันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการ จะเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นนวัตกรรมและยกระดับประเทศไทยให้ก้าวไปสู่เส้นทางการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ที่สูงขึ้นในระยะยาวได้"
ในรายงานยังระบุถึงสิ่งที่ไทยต้องเริ่มดำเนินการเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งได้แก่ การสร้างความเข้มแข็งด้านนโยบายการแข่งขัน การเปิดเสรีภาคบริการ การสร้างยุทธศาสตร์ข้อมูลของประเทศ และการปรับปรุงสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาไปพร้อม ๆ กับการปฏิรูปทักษะของประชาชนและแรงงาน นอกจากนี้ การวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ก้าวทันทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงตามที่ตั้งเป้าไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้วย
"ประเด็นข้อเสนอแนะเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ถูกบรรจุไว้ในแผนปฏิรูปประเทศและร่างยุทธศาสตร์ชาติเรียบร้อยแล้วที่ผ่านมา ผมได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาประเด็นสำคัญในแผนปฏิรูปประเทศที่ต้องเร่งหยิบยกขึ้นมาดำเนินการโดยด่วน และหารือในส่วนที่มีความสอดคล้องแล้ว บางอย่างอาจทำไม่ได้ หรือทำไม่ได้ในเวลานี้ รัฐบาลก็จำเป็นต้องไปศึกษารายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จะได้นำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ซึ่งผมจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน เราอยู่ระหว่างการปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์ชาติให้มีความสมบูรณ์ ที่ผ่านมาทางคณะจัดทำได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนไปแล้วและอยู่ระหว่างการปรับ ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะช่วยกันพิจารณาเพิ่มเติม โดยเฉพาะความเชื่อมโยงระหว่างแต่ละยุทธศาสตร์ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ขับเคลื่อนในทางปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเป็นเข็มทิศ ชี้ทางให้กับแผนพัฒนาประเทศด้าน ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนด้วย"นายกรัฐมนตรีกล่าว