นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้รับงบประมาณเพิ่มเติมกลางปี 2 หมื่นล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว โดยจะนำไปจัดสรรให้กองทุนหมู่บ้านไม่เกินกองทุนละ 3 แสนบาท ซึ่งมีประมาณ 66,000 กองทุน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ กำลังดำเนินการขณะนี้ คือ การเตรียมการกำหนดระเบียบเพื่อบริหารงบประมาณและ โครงการ ซึ่งจะยึดแนวทางเดิมที่มีหลักเกณฑ์กว้าง ๆ เช่นคุณสมบัติของกองทุนต้องเป็นนิติบุคคล มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ หมายถึงมี งบประมาณประจำปีมีเงินทุนหมุนเวียนต่อเนื่อง มีกรรมการ และสมาชิกในการบริหารจัดการ เป็นต้น นอกจากนี้จะต้องเป็นโครงการที่ต่อยอดจากโครงการเดิม หรือเป็นโครงการริเริ่มใหม่ ที่เป็นการส่งเสริมคุณภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ส่งเสริมการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ หรือเป็นโครงการที่ทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียน เช่น ร้านค้าชุมชน น้ำดื่มชุมชน สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องจักรกลทางการเกษตร
โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการ เพื่อให้ความเห็นชอบระเบียบหลักเกณฑ์ดังกล่าว จากนั้นสัปดาห์ถัดไปจะประชุมเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงระเบียบ ขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งงบประมาณดังกล่าวหากลงไปถึงพื้นที่ได้ก็จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้
ทั้งนี้ โครงการกองทุนหมู่บ้านเป็นส่วนหนึ่งของโครงการไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามความต้องการของประชาชน โดยเครือข่ายของกองทุนหมู่บ้านจะลงไปทำงานในทีมไทยนิยมฯ ที่มี 8,000 กว่าทีมด้วย
สำหรับกองทุนหมู่บ้านที่ผ่านมาได้รับงบประมาณจัดสรร แบ่งเป็น กองทุนละ 1 ล้านบาท, 5 แสนบาท ซึ่งนำไปเป็นกองทุนหมุนเวียนให้กู้ยืม จากนั้นในสมัยรัฐบาลชุดนี้ ได้จัดสรรงบประมาณในรอบแรกกองทุนละ 5 แสนบาท รอบที่ 2 จัดสรรให้อีกกองทุนละ 2 แสนบาท และรอบล่าสุดนี้ กองทุนละ 3 แสนบาท ซึ่งออกระเบียบห้ามกู้ แต่ต้องไปจัดทำแนวทางที่จะเป็นการเพิ่มรายได้ ส่งเสริม อาชีพ ส่งเสริม รายได้ และอนุญาตให้กองทุนรวมตัวกันได้