นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จะเป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเจรจา FTA ไทย-ตุรกี ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 24 – 26 เมษายน 2561 ณ กรุงอังการา โดยในการเจรจารอบนี้ จะเป็นการหารือต่อเนื่องจากการเจรจารอบที่แล้วซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนธันวาคม 2560 ซึ่งมีประเด็นคงค้างในส่วนของการยกร่างข้อบท FTA เรื่องต่างๆ เช่น มาตรการเยียวยาทางการค้ากฎถิ่นกำเนิดสินค้า พิธีการศุลกากร มาตรฐานสุขอนามัย เป็นต้น รวมทั้งในการประชุมครั้งนี้จะมีการหารือในเรื่องรูปแบบการลดภาษี (Modality) ด้วย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าจะสรุปผลการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไทย-ตุรกี ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
นางอรมน กล่าวเสริมว่า FTA ไทย – ตุรกี จะก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านการค้าและการลงทุน โดยเริ่มแรกจะมุ่งเน้นการขจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ทั้งนี้ ตุรกีเป็นประเทศที่มีศักยภาพ เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรมากกว่า 80 ล้านคน และตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเอเชียและยุโรป อีกทั้งตุรกียังมีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง จึงสามารถเป็นประตูสู่ภูมิภาคยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง แอฟริกาตอนเหนือ สำหรับรายการสินค้าศักยภาพของไทยที่มีโอกาสในการเข้าตลาดตุรกี เช่น ยานพาหนะและส่วนประกอบ ตู้เย็น พลาสติกชนิดโพลิสไตรีน ผ้าทอ เมล็ดพืช อาหารฮาลาล เคมีภัณฑ์อินทรีย์ ยางพารา เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
ในปี 2560 ตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 36 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยการค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 1,517.39 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 0.33% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย และไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 1,015.52 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกมูลค่า 1,266.46 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้ามูลค่า 250.94 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2561 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 261.23 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 11.4% และไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 154.30 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกมูลค่า 207.69 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 8% และนำเข้ามูลค่า 53.47 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 26.8%
สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปตุรกี ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ยางพารา เส้นใยประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ยาง ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอด เม็ดพลาสติก ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ เคมีภัณฑ์
ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากตุรกี ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องประดับอัญมณี เคมีภัณฑ์ ลวดและสายเคเบิล เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช กระจก แก้ว และผลิตภัณฑ์ แร่และผลิตภัณฑ์จากแร่ ผ้าผืน
นอกจากนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะมีการจัดสัมมนาเรื่อง "อนาคตของธุรกิจบริการในยุคการค้าเสรี" ในวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2561 จังหวัดระยอง และวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2561 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมุ่งพัฒนาผู้ประกอบการ และเปิดประตูสู่โลกการค้ายุค 4.0 และสามารถนำความรู้ไปต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอย่างเต็มที่ กลุ่มเป้าหมายคือ SMEs Startup หน่วยงานภาครัฐ และผู้สนใจทั่วไป