นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่า การนำสินค้าผลไม้ของไทย โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทองไปขายผ่านออนไลน์บนเว็บไซต์ Tmall.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ภายใต้บริษัทอาลีบาบา กรุ๊ปนั้น เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผลไม้ไทยอีกทาง และถือว่าจะช่วยรองรับปริมาณผลผลิตทุเรียนในกรณีที่ออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ทำให้มีตลาดที่แน่นอนรองรับ ช่วยแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำได้
"เดิมสินค้าเกษตรที่มีผลผลิตออกมามากๆ พร้อมกัน กลไกเดิมดูดซับไม่ทัน ราคาจะตก ดังนั้นเมื่อมีช่องทางเหล่านี้ (Tmall.com) ก็ถือว่าเป็น pre order ที่ช่วยทำให้ผลผลิตมีตลาดรองรับล่วงหน้า ซึ่งตลาดล่วงหน้านี้ถือว่ามีพลัง อย่างที่มีข่าวว่าขายทุเรียนได้ 8 หมื่นลูกใน 1 นาที และเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรได้...ทำให้เกษตรกรสามารถขายสินค้าของตัวเองได้ในช่องทางใหม่ๆ " รมว.พาณิชย์กล่าว
ส่วนที่มีข้อกังวลว่าการนำสินค้าทุเรียนหมอนทองไปขายผ่านเว็บ Tmall.com จะทำให้ผู้บริโภคไทยต้องซื้อทุเรียนในราคาที่แพงขึ้นนั้น นายสนธิรัตน์ มองว่า การจำหน่ายทุเรียนในช่องทางดังกล่าวยังถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับการจำหน่ายในช่องทางปกติ ซึ่งข้อมูลล่าสุดพบว่ามีการขายทุเรียนหมอนทองผ่านเว็บ Tmall.com ได้ประมาณ 350 ตัน ในขณะที่การขายด้วยช่องทางปกติในแต่ละปีจะสูงถึงราว 5 แสนตัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกันแล้วเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก อย่างไรก็ดี หากทุเรียนพันธุ์ดีมีราคาแพงขึ้นก็เป็นสิ่งที่น่าจะส่งเสริม เพราะทำให้ความพยายามของรัฐบาลในการที่จะพัฒนาคุณภาพของผลผลิตให้ได้มาตรฐานนั้นเกิดขึ้นจริง และช่วยให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยดีขึ้น
"ของดี ก็ควรจะแพงขึ้น เพื่อช่วยให้คนที่ทำของดี ได้ราคาดี ในอดีตที่ผ่านมา ของดีราคาไม่แพง จึงทำให้คนไม่อยากทำของดี และจุดนี้จะช่วยยกระดับคนที่ทำของคุณภาพด้อยลงไปนั้นมีกำลังใจที่จะพัฒนาต่อให้ดีขึ้น...ทุเรียนมีหลายเกรด ถ้าเป็นของดี ก็ต้องแพง ของรองลงมาก็ต้องแข่งขันกัน เพราะปริมาณที่มีระหว่าง demand และ supply จะเป็นตัวชี้กลไกราคา ซึ่งความกังวลว่าทุเรียนจะแพงจนไม่ได้กินนั้น ก็เป็นความตระหนกไปล่วงหน้า ที่จริงกลไกตลาดขึ้นกับ supply ที่ออกมา" รมว.พาณิชย์ กล่าว