นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดท่าเทียบเรือชายฝั่ง 20G ท่าเรือกรุงเทพ(คลองเตย) ว่า การมีท่าเรือชายฝั่งที่ท่าเรือกรุงเทพ จะทำให้ผู้ประกอบการมีความสะดวกในการขนส่งสินค้ามากขึ้น เนื่องจาก การท่าเรือฯได้ร่วมมือกับ กรมศุลกากรในการ ตรวจปล่อยตู้สินค้าขาออก เบ็ดเสร็จจุดเดียว สามารถขนถ่ายสินค้าจากท่าเรือกรุงเทพ ไปขึ้นเรือแม่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง(ทลฉ.) ซึ่งท่าเรือ 20G สามารถรองรับได้ 2.4 แสนตู้ต่อปี โดยตั้งเป้าว่าในปีแรกจะมีปริมาณสินค้าประมาณ 1 แสนตู้
สำหรับท่าเทียบเรือชายฝั่ง 20G นั้น การท่าเรือฯได้ปรับปรุงพัฒนาพื้นที่บริเวณหน้า Terminal 2 ฝั่งเขื่อนตะวันออก ความยาว 250 เมตร พร้อมติดตั้งปั่นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง 2 คัน สามารถบกตู้สินค้าได้ 40 ตัน รอรับเรือชายฝั่งได้พร้อมกัน 3 ลำ ขนส่งตู้สินค้าได้ไม่น้อยกว่า 60 ทีอียูต่อเที่ยว หรือสามารถรองรับเรือชายฝั่งได้ประมาณ 2,500 ลำต่อปี หรือคิดเป็นปริมาณตู้สินค้า 240,000 ทีอียูต่อปี
"การขนส่งทางน้ำมีต้นทุนที่ต่ำกว่าทางถนนจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นความพยายามผลักดันเรื่องไทยแลนด์ 4.0 ปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ท่าเรือแหลมฉบัง อยู่ระหว่างพัฒนาท่าเรือชายฝั่งโดยเฉพาะเพื่อรองรับเรือขนส่งและเชื่อมกับท่าเรือ 20G โดยตรง ถือเป็นมิติใหม่ในการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางน้ำโดยใช้เรือชายฝั่ง ซึ่งอนาคตจะพัฒนาที่ท่าเรือสุราษฎร์ธานี นำสินค้าลงเรือและตรวจปล่อยแบบจุดเดียว ส่งต่อมาขึ้นเรือแม่ที่ท่าเรือแหลมฉบังโดยไม่ต้องผ่านพิธีการอีก ทั้งนี้ ส่วนผู้ประกอบการจะต้องร่วมมือกันพัฒนากองเรือขึ้นมารองรับท่าเรือชายฝั่งด้วย"
นายไพรินทร์ กล่าวว่า ล่าสุดได้มีการรายงานตัวเลขต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เดือนมี.ค. มีปริมาณการส่งออกสินค้า สูงสุดกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตเกือบ 20% ดังนั้น การพัฒนาท่าเรือชายฝั่ง 20G ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้ให้นโยบายการท่าเรือฯ และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ศึกษาการทำทางเชื่อมต่อระบบทางด่วนบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) เข้าสู่ท่าเรือกรุงเทพโดยตรง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณรถบรรทุกบนถนนในกรุงเทพลง
ด้านนายสุวัฒน์ อัศวทองกุล ประธานสมาคมเจ้าของและตัวแทนเรือกรุงเทพฯ กล่าวว่า ความสามารถในการขนส่งเรือชายฝั่งอยู่ที่ 60-100 ต่อเที่ยว เท่ากับลดการใช้รถบรรทุกลง 60-100 คัน ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการลงได้เฉลี่ย 30% ต่อตู้
นอกจากนี้ ปัจจุบันแนวโน้มเรือคอนเทนเนอร์รุ่นใหม่ มีขนาดใหญ่มากขึ้น ซึ่งไม่สามารถเข้าท่าเรือกรุงเทพได้เนื่องจากติดปัญหาร่องน้ำ ดังนั้น ท่าเรือชายฝั่ง 20G จึงตอบโจทย์ของผู้ประกอบ โดยใช้เรือใหญ่ขนตู้สินค้ามายังท่าเรือแหลมฉบังและขนถ่ายลงเรือลำเลียงเพื่อส่งต่อมายังท่าเรือกรุงเทพ โดยไม่ต้องใช้รถบรรทุกขนสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบังเข้ากรุงเทพ