นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยขอความเห็นชอบ ครม.ให้หยุดการจ่ายเงินเพิ่มเติม 100-200 บาท ให้กับผู้มีรายได้น้อยที่แสดงความประสงค์จะพัฒนาตนเอง แต่ต่อมาได้ขอยกเลิกการแสดงความประสงค์ หรือไม่มาสัมภาษณ์ภายในเดือน พ.ค.นี้ โดยจะเริ่มหยุดการจ่ายเงินให้ผู้มีรายได้น้อยที่ทำผิดเงื่อนไขประมาณ 1.5 ล้านคน หรือ 30% ของผู้ขอเข้าร่วมโครงการทั้งหมดตั้งแต่เดือน มิ.ย.61
วานนี้ กระทรวงการคลังได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการฯ ระหว่างวันที่ 1 – 28 ก.พ. 61 มีจำนวน 6,400,124 ราย จากผู้มีบัตรฯ จำนวน 11,469,185 ราย หรือคิดเป็น 55.8% ของผู้มีบัตรฯ ทั้งหมด โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของมาตรการฯ คือผู้มีบัตรฯ ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และอยู่ในวัยแรงงาน จำนวน 5,262,683 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้แจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการฯ จำนวน 3,119,726 ราย คิดเป็น 59.3% จึงเหลือกลุ่มเป้าหมายอีก 2,142,957 ราย ซึ่งทางผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (Account Officer: AO) และผู้ช่วย AO ต้องลงพื้นที่สัมภาษณ์ผู้มีบัตรฯ เป็นรายบุคคลในช่วงเดือนมี.ค. - เม.ย.61 รวมมีผู้มีบัตรฯ ทั้งหมดที่ต้องเข้ารับการสัมภาษณ์ จำนวนประมาณ 8.5 ล้านราย
"คาดว่าเมื่อสัมภาษณ์ผู้เข้าโครงการทั้งหมด 8.5 ล้านคน ก็จะมีประมาณ 70% ที่ขอเข้าร่วมโครงการ และ 30% ไม่เข้าร่วมโครงการ และจะไม่ได้รับเงินเพิ่มเติม 100-200 บาทต่อเดือน" นายพรชัย กล่าว
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของผู้มีรายได้น้อยในระบบธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มเติม และการจัดสรรงบประมาณให้ธนาคารออมสินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างผู้ช่วยผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (Account Officer: AO) เพิ่มเติม ดังนี้ การขยายกลุ่มเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการฯ ให้ครอบคลุมถึงลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรและประกอบอาชีพอื่นเป็นอาชีพเสริมแต่แจ้งลงทะเบียนเป็นอาชีพอื่นจำนวน 562,494 ราย ซึ่งมีมูลหนี้ 88,350 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้า ธ.ก.ส. กลุ่มนี้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของผู้มีรายได้น้อยในระบบ ธ.ก.ส. ภายใต้มาตรการฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 61
การจัดสรรงบประมาณให้แก่ ธ.ก.ส. เพื่อชดเชยดอกเบี้ยจากการพักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรที่มีหนี้ที่เป็นภาระหนักและหนี้ไม่เกิน 300,000 บาท จำนวน 222,503 ราย ต้นเงินกู้รวม 29,708 ล้านบาท ที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ของผู้มีรายได้น้อยในระบบ ธ.ก.ส. เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ธนาคารออมสินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างผู้ช่วย AO เพิ่มเติม จำนวน 500 คน สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างผู้ช่วย AO เพิ่มเติม รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานของผู้ช่วย AO สำหรับการปฏิบัติงานในช่วงเดือนเม.ย.น – ก.ย.61 (6 เดือน) โดยให้ธนาคารออมสินทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป