กรมธุรกิจพลังงาน แถลงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันของไตรมาส 1/61 (ม.ค.-มี.ค.) เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มน้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 4.7% และดีเซลหมุนเร็ว (B7) เพิ่มขึ้น 3.9% ในขณะที่ LPG เพิ่มขึ้น 9.5% ส่วน NGV ลดลง 8.3%
โดยการใช้ NGV ลดลงเป็นผลต่อเนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี 59 ทำให้ประชาชนและรถบรรทุกสินค้าหันไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยมา และส่งผลให้สถานีบริการ NGV ทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรถยนต์จดทะเบียนใหม่ประเภทเชื้อเพลิง NGV จำนวนลดลง คิดเป็น 3.1%
ในไตรมาส 1/61 มีปริมาณนำเข้ารวมเพิ่มขึ้น โดยเป็นปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ย 979,061 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 13% โดยมีมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบ 63,451 ล้านบาท/เดือน สำหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณนำเข้าลดลงมาอยู่ที่ 64,553 บาร์เรล/วัน หรือลดลง 4.9% ขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 4,307 ล้านบาท/เดือน
โดยพบว่าในกลุ่มน้ำมันสำเร็จรูป มีการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน และ LPG เพิ่มขึ้น ขณะที่ดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา และน้ำมันอากาศยานมีการนำเข้าลดลง
สำหรับการนำเข้า LPG มีปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 57,323 ตัน/เดือน คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 19.4% เนื่องจากความต้องการใช้ LPG มีเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 9.5%
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 1/61 มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในประเทศ จำนวน 2 โรงกลั่น โดยจำนวนวันปิดซ่อมบำรุงน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มีปริมาณการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปประเภท ดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา และน้ำมันอากาสยานลดลง
ขณะที่การนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐานมีปริมาณมากขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นยังมีข้อจำกัดในการผลิตน้ำมันเบนซินพื้นฐานประเภท GBASE2 ซึ่งใช้ในการผสมเพื่อผลิต GSH95, E20 และ E85 ประกอบกับ ความต้องการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ประเภทดังกล่าวปริมาณการใช้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องมีการนำเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน