นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์กับตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้อง เตรียมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในงาน e-Commerce Big Bang : จุดประกายการค้าไทย...สู่วิถีออนไลน์ ที่จะจัดขึ้นวันที่ 17 พ.ค. 61 นี้ โดยภาคเอกชน ประกอบด้วย ตลาดดอทคอม (www.tarad.com) เทพช็อป (www.lnwshop.com) วีมอลล์ (www.wemall.com) ซีมาร์ท (www.cmart.co.th) เซ็นทรัล (www.central.co.th) บิ๊กซี (www.bigc.co.th) และภาครัฐ ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าภายใน) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (องค์การตลาดเพื่อการเกษตร) กระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)) กระทรวงอุตสาหกรรม (สถาบันอาหาร) กระทรวงวัฒนธรรม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด รวมทั้งผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (e-Logistic) แบบครบวงจร และระบบการชำระเงินทางออนไลน์ (e-Pay)
"การลงนาม MOU ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ นับเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญของแวดวงอี-คอมเมิร์ซที่ผู้ประกอบการออนไลน์รายใหญ่ของไทยและภาครัฐร่วมมือร่วมใจผนึกกำลังสร้างฐานที่มั่นแก่อี-คอมเมิร์ซไทยให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (ปี 60 - 64) ที่เน้นการเสริมสร้างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทย และเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำอี-คอมเมิร์ซ พร้อมทั้ง อำนวยความสะดวกทางการค้าสู่สากล ซึ่งไม่เพียงแต่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์จากการลงนาม MOU แต่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด เช่น ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ธุรกิจการรับชำระเงิน และธุรกิจค้าปลีกรายย่อย ฯลฯ ก็จะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย"
รมว.พาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่มีพิธีลงนาม MOU แล้ว การปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซไทยจะเริ่มคิกออฟทันที เพื่อหวังผลสำเร็จให้ได้เร็วมากที่สุดตามรายละเอียดที่ได้ลงนามฯ ขณะเดียวกัน กระทรวงฯ ก็จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซรายย่อยของไทยเข้าสู่ระบบมากยิ่งขึ้น โดยการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้อง และขอรับเครื่องหมาย DBD Registered จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อยืนยันตัวตนและสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจของตนเอง อันเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจในระยะยาว นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังได้เปิดคอร์สอบรมให้แก่ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ภายในงานวันที่ 17 พ.ค. 61 จะมีพิธีเปิดตัวเว็บไซต์ "ของดีทั่วไทย" ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมสินค้าและบริการของผู้ประกอบการรายย่อยจากทั่วประเทศ ในรูปแบบ e-Directory โดยจะให้ผู้ประกอบการรายย่อยนำสินค้าหรือบริการขึ้นมานำเสนอขายบนเว็บไซต์ เพื่อขยายฐานลูกค้าและให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยเว็บไซต์ ‘ของดีทั่วไทย’ จะมีการแบ่งตามหมวดหมู่สินค้า ประเภทสินค้า และแบ่งตามพื้นที่ร้านค้า (Location Base) เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและจดจำ นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งสินค้าและบริการตามคะแนนจากผู้ใช้บริการ (Review Rating) เพื่อให้ผู้ใช้บริการทราบถึงความพึงใจของผู้ใช้บริการโดยรวมจากร้านค้านั้น รวมถึง กระตุ้นให้ผู้ประกอบการที่ได้คะแนนความพึงพอใจน้อยเร่งพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการเพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากที่สุด
อีกทั้ง ยังจะมีพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการส่งเสริมการตลาดและสินค้าของดีทั่วไทยผ่านเว็บไซต์ Thailandtourismdirectory โดยจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจบริการที่กระทรวงฯ ให้การส่งเสริมแก่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหารไทย ภายใต้ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ของกระทรวงพาณิชย์ ธุรกิจที่พักโฮมสเตย์ ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพ และธุรกิจสปา ซึ่งจะเป็นช่องทางในการส่งเสริมธุรกิจบริการของไทยให้มีความก้าวหน้าและสามารถสนองตอบต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น