กรมบัญชีกลางเริ่มให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวใช้บัตรประชาชนยื่นใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงค่ารักษาประเภทผู้ป่วยนอกได้ที่สถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการกว่า 1,317 แห่งทั่วประเทศ พร้อมพัฒนา Mobile Application เพื่อใช้ตรวจสอบสิทธิได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้พัฒนาระบบเบิกจ่ายตรงค่ารักษาให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่สามารถนำบัตรประจำตัวประชาชนมายื่นใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก ณ สถานพยาบาลของทางราชการ และสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการตามหลักเกณฑ์กลุ่มโรคเฉพาะ ได้แก่ การฟอกไต และรังสีรักษาสำหรับโรคมะเร็ง รวมทั้งสิ้นกว่า 1,317 แห่ง แทนการลงทะเบียนสมัครเข้าจ่ายตรง (สแกนนิ้ว) กับสถานพยาบาลของทางราชการแต่ละแห่ง ซึ่งกรมบัญชีกลางได้มีการเตรียมความพร้อม และเริ่มทดสอบระบบตั้งแต่วันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อให้สถานพยาบาลได้เตรียมความพร้อมก่อนเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 4 พฤษภาคม 2561
สำหรับผู้มีสิทธิที่ยังไม่มีหรือไม่สามารถมีบัตรประจำตัวประชาชนได้ตามกฎหมายก็สามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงได้ โดย
1.กรณีเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 7 ปี ให้ใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนของเด็กที่ปรากฏอยู่ในสูติบัตรหรือทะเบียนบ้าน (ของเด็ก) ยื่นร่วมกับบัตรประชาชนของผู้ดูแลที่พาเด็กไปโรงพยาบาล
2.กรณีคู่สมรส หรือบิดามารดาของผู้มีสิทธิที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่มีเลขประจำตัวคนต่างด้าว 13 หลัก ให้ใช้บัตรประจำตัวคนต่างด้าว หรือทะเบียนบ้านได้ แต่ถ้าไม่มีเลขประจำตัวคนต่างด้าว 13 หลัก ให้ใช้รายงานทะเบียนประวัติที่มีเลข 12 หลัก และขึ้นต้นด้วย ตัว B โดยขอรับเอกสารได้จากนายทะเบียนต้นสังกัดของผู้มีสิทธิ
3.กรณีผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวเป็นผู้ป่วยติดเตียงและไม่สามารถมาแสดงตนได้ ให้ผู้ดูแลนำบัตรของผู้มีสิทธิพร้อมแสดงบัตรประชาชนของผู้ดูแลเพื่อใช้สิทธิ
4.กรณีผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวที่เป็นผู้สูงอายุหรือมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวที่เข้ารับการรักษาเสร็จแล้ว แต่ไม่สะดวกในการทำธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถให้ผู้ดูแลนำบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิพร้อมแสดงบัตรประชาชนของผู้ดูแลเพื่อใช้สิทธิ
ทั้งนี้ หากบุคคลในครอบครัวของผู้มีสิทธิไม่สะดวกพกเอกสารดังกล่าว ผู้มีสิทธิสามารถยื่นคำร้องขอทำบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ กับนายทะเบียนที่หน่วยงานของตนได้
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า การใช้สิทธิเบิกจ่ายตรง ผู้มีสิทธิต้องตรวจสอบสิทธิก่อนไปใช้บริการ หากพบว่า "ไม่มีสิทธิ" ให้รีบติดต่อนายทะเบียนที่สังกัด เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลให้ถูกต้อง โดยตรวจสอบสิทธิได้ที่เว็บไซต์กรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th และขณะนี้ทางกรมฯได้พัฒนา Mobile Application สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการเพื่อให้ผู้มีสิทธิดาวน์โหลดไปใช้ในการตรวจสอบสิทธิของตนเองก่อนเข้ารับการรักษา
โดยการใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลนี้ใช้กับผู้มีสิทธิที่เบิกค่ารักษากับกรมบัญชีกลางเท่านั้น
ด้านนพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับระบบการเบิกจ่ายตรงผู้ป่วยนอก โดยให้สถานพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ ยกเลิกการสแกนนิ้วมือผู้มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลจากกระทรวงการคลัง เพื่อลงทะเบียนในการเบิกจ่ายตรง เป็นการใช้เครื่อง EDC Healthcare โดยผู้มีสิทธิ/ คู่สมรส/ บิดา/ มารดา/ บุตรที่มีอายุ 7 – 20 ปีให้ใช้บัตรประชาชน ส่วนบุตรที่อายุต่ำกว่า 7 ปีให้ใช้เลขบัตรประชาชนของเด็กและบัตรประชาชนผู้ดูแล ส่วนคู่สมรส/บิดา/มารดา/ ชาวต่างชาติใช้เลข 13 หลักที่ทางราชการออกให้ หากไม่มีให้ใช้เลขที่กรมบัญชีกลางกำหนด สำหรับผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ใช้บัตรประชาชนของผู้ป่วยและของผู้ดูแล
ด้านนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขอให้ผู้มีสิทธิในระบบจ่ายตรงนำบัตรประชาชนมาแสดงสิทธิด้วยทุกครั้ง เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการที่โรงพยาบาล หากลืมบัตรประชาชนหรือเอกสารที่กรมบัญชีกลางกำหนด หรือบัตรประชาชนหาย จะต้องสำรองจ่ายเงินค่ารักษาไปก่อน และนำใบเสร็จรับเงินไปเบิกกับส่วนราชการต้นสังกัด ในช่วงแรกอาจพบปัญหาในการใช้บัตรบ้าง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะปรับระบบให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ