กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มองทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.90 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ 31.76 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 3 เดือน ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยด้วยมูลค่า 1.12 หมื่นล้านบาท และ 1.15 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่เงินดอลลาร์ยังแข็งค่าต่อเนื่องเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในช่วง 1.50-1.75% ตามคาด โดยเฟดระบุว่าเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในทางกลับกัน ข้อมูลเงินเฟ้อของกลุ่มยูโรโซนอ่อนแอเกินคาด ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แตะระดับสูงสุดของปี 2561
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ มองว่า ตลาดจะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อทั้งฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภคของสหรัฐฯ หลังข้อมูลจ้างงานเดือนเมษายนบ่งชี้ว่าอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 17 ปีที่ 3.9% แต่การเติบโตของค่าจ้างกลับฟื้นตัวอย่างช้าๆ ซึ่งยังคงสร้างความท้าทายสำหรับเฟด เนื่องจากภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวไม่ได้ส่งผ่านไปยังค่าจ้างและเงินเฟ้อตามที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้นักลงทุนจะให้ความสนใจการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 10 พ.ค.61 ซึ่งคาดว่าจะเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปี หลังเศรษฐกิจอังกฤษเติบโตเพียง 0.1% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์เผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง
สำหรับประเด็นสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินทุนในตลาดเกิดใหม่ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้น แม้ว่าเฟดแสดงความมั่นใจต่อสัญญาณการฟื้นตัวของเงินเฟ้อสหรัฐฯ แต่เฟดยังคงสงวนท่าทีด้วยการตอกย้ำว่าจะปรับนโยบายการเงินในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 1.07% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 14 เดือน ตามราคาพลังงานและราคาผักสดที่สูงขึ้น โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปจะทยอยปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี แม้อัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่ขอบล่างของกรอบเป้าหมายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ 1-4% ได้ในไตรมาส 2/2561 ตามที่ กนง.เคยคาดไว้ แต่เชื่อว่า กนง.มีแนวโน้มที่จะรอสัญญาณการเติบโตของอุปสงค์ในประเทศให้กระจายตัวชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อนจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปีนี้