นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.85/87 บาท/ดอลลาร์ จาก เย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.84 บาท/ดอลลาร์
"คาดว่าทิศทางค่าเงินบาทวันนี้น่าจะแกว่งในกรอบแคบๆ ระหว่าง 31.80-31.90 บาท/ดอลลาร์ รอติดตามตัวเลขดัชนี ราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ" นักบริหารเงินระบุ
THAI BAHT FIX 3M (5 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.19611% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.31844%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 108.97/109 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 109.25 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.1918/1921 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1927 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.7770 บาท/
ดอลลาร์
- คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เสนอให้เลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS9) ออกไปจาก
วันที่ 1 ม.ค.2562 เป็น 1 ม.ค.2565 เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ภาคธุรกิจ SMEs และ สตาร์ทอัพ ได้รับผลกระทบจากการปล่อย
สินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นของภาคธนาคาร
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า ยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
2 ครั้งในปีนี้และการพุ่งขึ้นของค่าจ้างจะไม่เปลี่ยนแปลงคาดการณ์ดังกล่าว
- กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ตอบโต้สหรัฐ หลังจากที่สหรัฐออกมาวิพากษ์วิจารณ์จีนที่ได้เรียกร้องให้
สายการบินต่างๆระบุว่า ไต้หวัน, ฮ่องกง และมาเก๊า เป็นดินแดนที่อยู่ในภูมิภาคของจีน
- นักลงทุนต่างชาติเข้าถือครองพันธบัตรรัฐบาลจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. หลังจากอัตราผลตอบแทน
พันธบัตรทะยานขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 พ.
ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า อัตราว่างงานเดือนเม.ย.ของสหรัฐร่วงลงแตะ
ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่ง และอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลาง
สหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอก
จากนี้ นักลงทุนยังได้ลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นต่อเนื่องเมื่อคืนนี้
- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., สต็อก
สินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำ
เข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
- นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐว่าจะตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
หรือไม่