นายระวี ธาตุนิยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวโครงการ SHAA ASOKE (ฌา อโศก) ซึ่งเป็นโครงการแรกภายใต้แบรนด์ SHAA (ฌา) และเป็นการร่วมทุนโครงการแรกกับพันธมิตรธุรกิจสิงคโปร์ คือ บริษัท เคปเปล แลนด์ จำกัด ภายใต้บริษัทร่วมทุน เคพีเอ็น เคปเปล อัลลายซ์แอนซ์ ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 2.5 พันล้านบาท โดยจะเปิดขาย pre-Sale ในวันที่ 25-27 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ บริษัทจะแบ่งขายในประเทศและต่างประเทศ ในสัดส่วน 70:30 โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ไม่ต่ำกว่า 40-50% ในช่วงเปิดขาย โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในช่วงปลายปี 61 และคาดจะแล้วเสร็จได้ในปี 65
SHAA ASOKE (ฌา อโศก) คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ใจกลางย่าน CBD ในซอยสุขุมวิท 19 บนขนาดพื้นที่กว่า 1 ไร่ จำนวน 143 ยูนิต 1 ห้องนอน เริ่ม 34 ตารางเมตร 2 ห้องนอนเริ่มต้น 69 ตารางเมตร พร้อมด้วย 2 ยูนิตพิเศษห้องดูเพล็กซ์ (Duplex) ขนาด 107-113 ตารางเมตร รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ใกล้เทอร์มินัล 21 (Terminal 21), ดิ เอ็มดิสทริค (The Em District) และยังใกล้กับการขนส่งสาธารณะระบบราง เช่น Asoke Interchange Station ประมาณ 250 เมตร รถยนต์ส่วนตัวสามารถเข้าออกได้หลายเส้นทางทั้งสุขุมวิท, นานา, เพชรบุรี เป็นต้น
ด้านนายแซม มูน ตง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานด้านการลงทุนส่วนภูมิภาค บริษัท เคปเปน แลนด์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ประเทศไทยถือเป็นฐานสำคัญของประชาคมอาเซียน และจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทำให้ประเทศมีการพัฒนามากขึ้น และน่าจะส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจในครั้งนี้
น.ส.อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ย่านอโศก ถือเป็นทำเลทองที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะซอยสุขุมวิท 19,21,23 โดยมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สังเกตได้จากการเกิดขึ้นของโครงการใหม่ๆ ทั้งโครงการมิ๊กซ์ยูส, โรงแรม และคอนโดมิเนียม อีกทั้งราคาที่ดินย่านอโศก ยังปรับตัวสูงขึ้นถึง 3% จาก 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ราคาคอนโดมิเนียมขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีราคาเฉลี่ยกว่า 3 แสนบาทต่อตารางเมตร รวมถึงยังมีความต้องการของผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มีกำลังซื้อสูง และมองหาทำเลนี้อย่างงต่อ ทั้งซื้ออยู่เอง หรือซื้อเพื่อการลงทุน
ขณะที่ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ในปีนี้ มีแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปัจจัยบวกจากสภาพเศรษฐกิจ การเมือง ท่องเที่ยว ตลาดทุน ตลอดจนการเติบโตของการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ