นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าประชารัฐสำหรับ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา วงเงินลงทุนรวม 1,555 ล้านบาท อายุโครงการ 20 ปี
บริษัท พีอีเอ เอ็นคอมอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจการลงทุนด้านพลังงานไฟ้ฟาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะจัดตั้งและเข้าร่วมทุนบริษัทในเครือ 3 บริษัท โดยถือหุ้นในสัดส่วน 40% ขณะที่วิสาหกิจชุมชน/ภาคเอกชน ลงทุนในสัดส่วน 60% ของส่วนทุน ทั้งนี้ วิสาหกิจชุมชนสามารถเข้ามาถือหุ้นได้ไม่เกิน 10%
สำหรับบริษัทร่วมทุนทั้ง 3 ได้แก่ บริษัท ประชารัฐชีวมวล นราธิวาส จำกัด ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล จ.นราธิวาส มีกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ขายไฟให้ กฟภ.จำนวน 6.3 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุนราว 755 ล้านบาท
บริษัท ประชารัฐชีวมวลแมลาน จำกัด ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล จ.ปัตตานี กำลังการผลิตติดตั้ง 3 เมกะวัตต์ ขายไฟให้ กฟภ.จำนวน 2.85 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุน 410 ล้านบาท และ บริษัท ประชารัฐชีวมวล บันนังสตา ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล จ.ยะลา มีกำลังการผลิตติดตั้ง 3 เมกะวัตต์ ขายไฟให้ กฟภ.จำนวน 2.85 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุน 390 ล้านบาท
หลังจากได้รับอนุมัติจาก ครม.แล้ว มีแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าประมาณเดือน ก.ค.61 โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถจ่ายไฟ (COD) ได้ประมาณเดือน พ.ย.63 หลังจากนั้นจะเปิดให้วิสาหกิจชุมชนซื้อหุ้นได้ภายใน 5 ปี หลังจาก COD
ส่วนภาคเอกชนที่สนใจเข้าร่วมทุน ได้แก่ ใน จ.นราธิวาส คือ บริษัท เจนเนอร์จี จำกัด ส่วนใน จ.ปัตตานีและ จ.ยะลา คือ บริษัท อีโค เอ็นเนอร์ยี กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด