พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังหารือกับนายกาเบรียล มาโต และนางคาล่า การ์เซีย รองประธานกรรมาธิการประมงแห่งรัฐสภายุโรป สมาชิกสภายุโรป (อียู) ในโอกาสที่เดินทางมาร่วมประชุมประจำปีของคณะกรรมาธิการปลาทูน่าแห่งมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า ได้ยืนยันถึงความตั้งใจของรัฐบาลไทยในการปฎิรูปการประมงให้เกิดความยั่งยืน และมีการปรับปรุงการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติในภาคประมง เน้นบังคับใช้กฎหมาย ดำเนินการกับผู้กระทำผิด ซึ่งจนถึงปัจจุบันได้ดำเนินคดีไปแล้วทั้งหมด 4,427 คดี มีคำตัดสินไปแล้ว 3,883 คดี หรือคิดเป็นร้อยละ 88 ในฐานความผิดต่างๆ เช่น ไม่ติดตั้งระบบ VMS, ไม่แจ้งจุดจอดเรือ รวมถึงความผิดเกี่ยวกับการทำประมง เช่น เรือนอกน่านน้ำ ซึ่งในคดีทั้งหมดมีความผิดด้านค้ามนุษย์ภาคประมง 88 คดี
นอกจากนี้ ไทยได้ออกคำสั่งให้เจ้าของเรือปฎิบัติในเรื่องการดูแลลูกจ้างอย่างถูกต้อง เช่น กรณีสัญญาจ้างที่ไม่สมบูรณ์ การค้างค่าจ้าง และดำเนินการลงโทษปรับกับเรือที่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งมีคดีที่ศาลลงโทษปรับสูงสุดถึง 223 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการปรับปรุงกระบวนการดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดให้เกิดความรวดเร็วซึ่งถือเป็นมิติใหม่ รวมถึงมีมาตรการทางการปกครองลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดภายใน 24 วัน ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านทางอียูพอใจในภาพรวม แต่ฝากให้ไทยบริหารจัดการศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งไทยก็กำลังดำเนินการอยู่เช่นเดียวกับการจัดการกองเรือใหม่
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ไทยได้กำหนดกรอบเวลาการให้สัตยาบันต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดแรงงานภาคบังคับ การปรับปรุงคุณภาพชีวิตแรงงานภาคประมง ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดกรอบเวลาการให้สัตยาบันในอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง และยกร่างกฎหมายรองรับการให้สัตยาบันฉบับนี้ เพื่อให้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ได้ยืนยันกับกรรมาธิการอียูว่าการดำเนินการทั้งหมดของไทยไม่ได้เพียงให้อียูปลดธงเหลืองให้กับไทยเท่านั้น แต่ไทยมุ่งปรับการบริหารจัดการทั้งหมดเพื่อทำให้ภาคประมงของไทยมีความยั่งยืน ซึ่งอียูถือเป็นพันธมิตรสำคัญในการทำงานกับไทย และยืนยันว่าไทยจะผลักดันกลไกลต่างๆ เพื่อต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายอย่างเต็มที่ ในโอกาสที่ไทยได้เป็นประธานอาเซียนในปี 2562 นี้ด้วย
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และเดือนกันยายน อียูจะส่งคณะกรรมการมาติดตามผลการทำงานของไทย ก่อนที่จะมีการสรุปผลรายงานว่าไทยจะได้ปลดธงเหลืองหรือไม่ในปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยการทำประเมินล่าสุดถือว่าไทยได้รับสัญญาณที่ดี