นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่าภาคเอกชนวอนรัฐออกมาตรการนำเข้าเหล็ก เพราะหวั่นมาตรา 232 ทำเหล็กแผ่นรีดเย็นสูญ 2.6 พันล้านว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์การใช้มาตรการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยได้จัดทำข้อมูลและสถิติการนำเข้าและส่งออกสินค้าเหล็ก แยกเป็นประเภทสินค้าที่มีการซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการของไทยและสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการ พร้อมทั้งได้มีการประชุมหารือร่วมกับผู้ผลิตและส่งออกสินค้าของไทย ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการขอยกเว้นจากการถูกใช้มาตรการดังกล่าว ทั้งเป็นรายพิกัดสินค้า และรายประเทศ
นอกจากนี้ ในส่วนของภาครัฐ กระทรวงฯ ได้มีหนังสือถึงผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative: USTR) พร้อมได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นหารือกับ USTR ในการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย – สหรัฐฯ (TIFA JC) ระหว่างวันที่ 9 – 10 เมษายน 2561 โดยได้มีการนำข้อมูลด้านความมั่นคงมาประกอบการเจรจา เพื่อขอยกเว้นการใช้มาตรการขึ้นภาษีดังกล่าวแก่ไทยด้วยแล้ว
ขณะเดียวกัน ผู้ส่งออกสินค้าภายใต้มาตรา 232 ของไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ได้มีการประสานกับผู้นำเข้า ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้าในสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการยื่นขอยกเว้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเป็นรายสินค้าตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กำหนด ซึ่งบริษัทที่มีการยื่นคำขอดังกล่าว ได้รับการพิจารณายกเว้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีตามที่ร้องขอแล้ว สำหรับในกรณีการขอยกเว้นการถูกเรียกเก็บภาษีเป็นรายประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามผลการพิจารณาของผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ซึ่งกระทรวงฯ จะได้ติดตามอย่างใกล้ชิดและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า หากมีการทะลักของการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น และสินค้าเหล็กลวด ผู้ผลิตสินค้าดังกล่าวของไทยก็สามารถยื่นคำขอให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดไต่สวนการตอบโต้การทุ่มตลาดและการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นภายใต้ พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ. มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ.2550 ได้
"กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงผ่านสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ และจะแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (25 พ.ค.) ที่กรมการค้าต่างประเทศ" นายอดุลย์กล่าว