น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบทนัดรวมตัวแต่งดำมาประท้วงที่กระทรวงการคลัง วันที่ 1 มิ.ย.นี้ ภายหลังกระทรวงการคลังออกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงาน หรือ ลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ 2561 ว่า ระเบียบดังกล่าวไม่ได้ใช้กับกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากเดิมได้มีการทำข้อตกลงเรื่องการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้เงินนอกงบประมาณกับกระทรวงการคลังแล้ว รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขเองมีระเบียบเฉพาะของตัวเอง ซึ่งก็ให้ปฏิบัติตามระเบียบเฉพาะของหน่วยงานไป
สำหรับข้อกังวลเกี่ยวกับการแก้ไขระเบียบว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการในสังกัดสาธารณสุข พ.ศ. 2561 ที่ระบุว่า การกำหนดกรอบอัตราและค่าจ้างของลูกจ้างชั่วคราวหรือพนักงานสาธารสุขจากเงินบำรุงต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อน ทำให้ยังเข้าข่ายระเบียบกระทรวงการคลังฉบับดังกล่าวอยู่ดีนั้น ถือเป็นเรื่องภายในของกระทรวงสาธารณสุขที่จะต้องไปคุยกันเอง เพราะการแก้ไขระเบียบดังกล่าวถือเป็นเรื่องภายใน ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังแต่อย่างใด
ส่วนกรณีการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานหรือลูกจ้างนั้น ระเบียบใหม่ของกระทรวงการคลังให้หน่วยงานต้นสังกัด ต้องเสนอเรื่องมาให้พิจารณา ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม หลักการและเหตุผลมาให้กรมบัญชีกลาง ซึ่งหากหน่วยงานต้นสังกัดเห็นสมควร กรมบัญชีกลางก็จะอนุมัติขึ้นเงินเดือนได้ ดังนั้นการตัดสินใจขึ้นหรือไม่ขึ้นเงินเดือน จึงไม่ใช่หน้าที่ของกรมบัญชีกลาง เพราะเป็นแค่หน่วยงานปลายทาง ในอนาคตหลังจากที่ลูกจ้างที่ใช้เงินนอกระบบ เข้ามาอยู่ในฐานข้อมูลหมดแล้ว อาจจะต้องมีการพิจารณาในการขึ้นเดือนที่ความเหมาะสมมากขึ้น
"กรณีนี้เกิดความไม่เข้าใจระเบียบใหม่ ไม่เข้าใจกระทรวงการคลัง กลัวว่าเมื่อมีการขอจ้างลูกจ้างนอกงบประมาณ และขอขึ้นเงินเดือนจะไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งทุกอย่างคงเป็นไปตามระเบียบใหม่ ถ้ามีเหตุผลและความจำเป็นตามที่หน่วยงานต้นทางเสนอมา เราก็อนุมัติให้ได้อยู่แล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่าระเบียบที่ออกมาในครั้งนี้เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลอัตรากำลังพลที่ถูกจ้างโดยเงินนอกงบประมาณ และขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดที่จะลดอัตราการจ้างลง เพราะยังไม่อยากให้มีผลกระทบอะไรเกิดขึ้น เมื่อหน่วยงานขออะไรมา เราก็พร้อมจะพิจารณาไปตามนั้น เพียงแต่ตอนนี้ต้องการเอาข้อมูลเข้ามาก่อน" น.ส.สุทธิรัตน์ กล่าว
น.ส.สุทธิรัตน์ กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าระเบียบที่ออกมาใหม่นี้ เป็นระเบียบที่ใช้โดยทั่วไปกับส่วนราชการเท่านั้น ซึ่งเป็นคำนิยามที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ.การเงินการคลังของรัฐ ดังนั้นหน่วยงานใดที่ไม่ใช่ส่วนราชการจึงไม่เข้าข่ายตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ. 2561 จึงไม่อยากให้ทุกฝ่ายต้องตกใจ โดยหน่วยงานใดที่เคยมีการจ้างแรงงานอย่างไรก็ให้ทำเหมือนเดิมได้ ซึ่งหน่วยงานใดที่เคยทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังแล้วก็ดำเนินการตามเดิม ส่วนหน่วยงานใดที่ยังไม่เคยทำข้อตกลง เมื่อครบรอบระยะเวลาการจ้างงาน ก็ให้ส่งเรื่องมาให้กระทรวงการคลังพิจารณาภายในเดือน ก.ค.ของทุกปี โดยให้ทำเรื่องมาก่อนหมดสัญญาเพื่อการดำเนินงานต่อเนื่อง เพราะหากรอหมดสัญญาเดิมและทำเรื่องจะพิจารณาไม่ทันจะทำให้การว่าจ้างมีปัญหาได้
ด้านนางเมธินี เทพมณี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เปิดเผยว่า ระเบียบกระทรวงการคลังที่ออกมานั้น เพื่อเป็นการรวบรวมฐานข้อมูลกำลังพลที่มีการจ้างงานโดยเงินนอกงบประมาณ สำหรับใช้ในการพิจารณาบริหารจัดการกำลังพลของภาครัฐในระยะต่อไปว่าเพียงพอและสอดรับกับภาระงานต่าง ๆ รวมถึงค่าตอบแทนอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการจ้างงานแบบใหม่ของรัฐบาล ที่จะเน้นการจ้างงานที่สั้นลง และให้เหมาะกับประเภทของงาน ตำแหน่ง และหน่วยงาน
โดยปัจจุบันมีกำลังพลภาครัฐทั้งสิ้น 3 ล้านกว่าคน ในส่วนนี้รวมถึงข้าราชการครู ข้าราชการท้องถิ่น และตำรวจ เป็นต้น ขณะที่มีข้าราชการพลเรือนประมาณ 4 แสนคน จึงจำเป็นที่จะต้องมีฐานข้อมูลเพื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับรายได้และการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลที่มีจำกัด