พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า คสช.ได้ใช้หน่วยรักษาความสงบในแต่ละพื้นที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยในระยะ 1 เดือนจะรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่เดิมมาประมวลผลกับข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบว่าลูกหนี้อยู่ในกลุ่มใด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลง
"มีเกษตรกรที่ยืมเงินจากโรงสี พอเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จก็หวังว่าจะเอาเงินส่วนหนึ่งไปใช้ ปกติก็จะใช้เฉพาะในส่วนที่ตนเองมีกำลัง ที่เหลือก็เอามาทำทุน ปรากฎว่ามีโรงสีบางส่วนที่รับเงินแล้วก็เอาเงินไปทั้งหมด ทำให้เกษตรกรต้องเป็นหนี้อีกเพราะไม่มีเงินมาหมุนต้องกู้ใหม่ ดอกเบี้ยทบเข้าไปอีก" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ คสช.ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบข้อมูลทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และมูลหนี้ว่าตรงตามข้อมูลที่ได้รับมาหรือไม่
"อะไรที่สามารถไกล่เกลี่ยให้ความเป็นธรรมได้ ลดดอกเบี้ยลงมาให้พอเหมาะ จัดลำดับมูลหนี้ที่มีอยู่ว่าจะจ่ายอย่างไร เพื่อให้ลูกหนี้มีกำลังและมีเงินเหลือพอจับจ่ายใช้สอยได้" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากลูกหนี้คนใดดำเนินการเบื้องต้นดังกล่าวแล้วยังไม่มีกำลังที่จะใช้หนี้ได้ก็ต้องเข้าสู่ระบบการแก้ไขแบบเต็มรูปแบบโดยคณะกรรมการแก้ไขหนี้นอกระบบระดับจังหวัด ซึ่งจะตรวจสอบมูลหนี้ทั้งหมด จะหาวิธีเพิ่มรายได้อย่างไร หาแหล่งเงินทุนให้
ส่วนการดำเนินการในระยะ 6 เดือน พล.อ.ประวิตร แจ้งว่า จะติดตามรับข้อมูลในพื้นที่ โดยอาศัยประชาคมหมู่บ้านหรือโครงการไทยนิยมยั่งยืนเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างทั่วถึง และในอนาคตจะประสานขอข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง