ธพว.มั่นใจฮ่องกงหนุนไทยขึ้นฮับ "เกรตเทอร์เบย์ แอเรีย"ส่งออก-ลงทุนรับอานิสงส์ สานต่อปั้นนักรบเอสเอ็มอี 200ราย ขึ้นแพลตฟอร์มค้าส่งออนไลน์เจาะตลาดแดนมังกร
SME Development Bank ชี้นโยบายรัฐหนุนฮ่องกงปั้นไทยขึ้นแท่นฐานการค้า ประตูเชื่อมลงทุน เชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีได้ประโยชน์ชัดเจน ผนึกกำลัง HKTDC ปั้นนักรบเอสเอ็มอีพันธุ์ใหม่ 200 รายใน 10 ผลิตภัณฑ์เป้าหมาย ขึ้นแพลตฟอร์มค้าส่งออนไลน์ขยายตลาดฮ่องกงและจีน
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank หรือ ธพว.) กล่าวหลังประชุมร่วมกับ มร.เบญจามิน เชาว์ รองผู้อำนวยการองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council:HKTDC)พร้อมทีมผู้บริหาร มร.ซันนี่ เชาว์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและเอเชียใต้ และ มร. ปีเตอร์ หว่อง ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ เพื่อต่อยอดความช่วยเหลือพร้อมผลักดันแผนปฏิบัติงานเชิงลึก พัฒนาเอสเอ็มอีไทยสู่ตลาดโลก โดยความร่วมมือดังกล่าวบูรณาการการทำงานของรัฐบาล นำนโยบายของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ยกให้ฮ่องกงเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพ ขณะเดียวกันยังสามารถใช้ฮ่องกงเป็นประตูต่อยอดสินค้าเอสเอ็มอีไทยสู่ภูมิภาคต่างๆ
"การผลักดันไทยขึ้นสู่ศูนย์กลางของภูมิภาคเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ เลี้ยงรับรองกับนางแครี่ หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ที่มาร่วมประชุมเวทีคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ สำหรับเอเชียและแปซิกฟิก (UNESCAP) ครั้งที่ 74 ที่ผ่านมา เพื่อหารือถึงแนวทางจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงในประเทศไทย (อีทีโอ) ซึ่งมีกำหนดเปิดสำนักงานดังกล่าวภายในต้นปี 2562 นั้น เชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าของฮ่องกงในภูมิภาคอาเซียนทันที และไทยจะกลายเป็นฐานกิจกรรมด้านการค้าการลงทุน เสมือนเป็น "เกตเวย์" เชื่อมประตูการค้าจากกลุ่มเกรตเทอร์เบย์ แอเรีย คือ ฮ่องกง มาเก๊าและกวางตุ้ง สู่กลุ่มประเทศ CLMV คือ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ตอกย้ำให้ไทยการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนอย่างแท้จริง"
เบื้องต้น SME Development Bank และ HKTDC บรรลุแนวทางเห็นชอบร่วมกัน 2 ด้าน คือ 1.คัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพร่วมออกงานแสดงสินค้าที่ฮ่องกง ณ ศูนย์แสดงสินค้าของ HKTDC โดยฮ่องกงเป็นตลาดที่มีศักยภาพและน่าสนใจ ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ฮ่องกงเป็นประตูการค้าไปสู่จีนและอีกหลายประเทศ อีกทั้งฮ่องกงมีชื่อเสียงด้านการจัดงานแสดงสินค้าเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 2561 มาทาง HKTDC จัดงานแสดงสินค้าแล้วกว่า 250 งาน
และ 2. คัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและพร้อมส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลก จำนวน 200 ราย โดยนำลูกค้าเข้าสู่ระบบค้าส่งออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มของ HKTDC (เว็บไซต์ www.hktdc.com/en-buyer) เว็บไซต์ดังกล่าวจะประกอบด้วยรายละเอียดพร้อมภาพสินค้า เบื้องต้นธนาคารตั้งเป้าคัดสุดยอดผู้ประกอบการ 200 ราย จาก 10 กลุ่มสินค้าเป้าหมาย คือ 1.กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, 2.กลุ่มเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น, 3.กลุ่มอัญมณี/เครื่องประดับ, 4.กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์, 5.กลุ่มเฟอร์นิเจอร์, 6.กลุ่มธุรกิจค้าส่ง, 7.ธุรกิจร้านอาหาร, 8.กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ, 9.ธุรกิจเสริมสวย และ10.ธุรกิจด้านการศึกษา โดยผลักดันขึ้นสู่ระบบการค้าส่งออนไลน์ ผ่านทางแพลตฟอร์มของ HKTDC มีจัดหมวดหมู่สินค้าได้กว่า 30 กลุ่ม อาทิ หมวดผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนรถยนต์, สินค้าสำหรับเด็ก, ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน, อาหารและเครื่องดื่ม, เครื่องแต่งกาย, ของขวัญ-ของชำร่วย, สินค้าสุขภาพและความงาม, เครื่องประดับ, เครื่องใช้ในครัวเรือน, ของเล่น-เกม, อุปกรณ์กีฬาและหมวดบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น และทั้งหมดต้องผ่านการพัฒนาและสินค้าต้องมีคุณภาพ เพื่อเข้าสู่ระบบค้าส่งออนไลน์อย่างมืออาชีพ
ทั้งนี้ ผลสำเร็จจากการพาเอสเอ็มอีไทยในโครงการ SME IDOL 2018 ร่วมออกงาน HKTDC Hong Kong Houseware Fair 2018 ซึ่งเป็นความร่วมมือของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) SME Development Bank และองค์กรสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) โดยคัดเลือกผู้ประกอบการในกลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน งานสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์สปาและสินค้าเพื่อสุขภาพ จำนวน 20 ราย เมื่อวันที่ 20-23 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา ณ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ตลอด 4 วัน มีผู้ซื้อรายใหญ่จากนานาชาติ (Buyer) สนใจสอบถามรายละเอียดและเข้าชมบูธถึง 1,015 ราย มียอดสั่งซื้อสินค้าภายในงานจำนวน 91 ราย ผู้ประกอบการได้รับการจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) แล้ว 29 ราย วงเงินสั่งซื้อสินค้าเกิดขึ้นกว่า 5.8 ล้านบาท คาดว่าในระยะเวลาอันใกล้จะมีการตกลงซื้อขายเพิ่มเติมอีกประมาณ 9.4 ล้านบาท