น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (MRT) ครั้งที่ 24 เมื่อวันที่ 25-26 พ.ค.ที่ผานมา ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี รัฐมนตรีการค้าของสมาชิกเอเปคได้เน้นย้ำความสำคัญต่อประเด็นการค้าเสรี และเศรษฐกิจดิจิทัล การสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดหลักของการประชุมครั้งนี้ คือ "การสร้างโอกาสอย่างทั่วถึงเพื่อเปิดรับอนาคตทางดิจิทัล" โดยได้ร่วมกันสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี ติดตามการดำเนินการตามเป้าหมายโบกอร์เพื่อเปิดการค้าเสรีและการลงทุน และการดำเนินการตามปฏิญญาลิมาว่าด้วยเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP)
ทั้งนี้ รัฐมนตรีการค้าของสมาชิกเอเปคส่วนใหญ่รวมทั้งไทยได้ย้ำการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีบนพื้นฐานของกฎกติกาการค้าและไม่เลือกปฏิบัติตามกรอบขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) และใช้กลไกการปรึกษาหารือเพื่อนำไปสู่ทางออกร่วมกัน ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับความตกลง FTAAP ซึ่งจะเป็นความตกลงที่มีมาตรฐานสูงและมีขอบเขตครอบคลุมอย่างกว้างนั้น ที่ประชุมสนับสนุนให้เริ่มมีการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างครอบคลุมและเป็นระบบ เพื่อปูพื้นฐานสำหรับการเตรียมการเกี่ยวกับ FTAAP และเสริมสร้างขีดความสามารถและความพร้อมต่อการเข้าร่วมความตกลง FTAAP ในอนาคต เพื่อให้ภูมิภาคเอเปคเติบโตอย่างทั่วถึงและยั่งยืน โดยกำหนดให้รายงานความคืบหน้าต่อผู้นำเอเปคซึ่งจะมีขึ้นในเดือน พ.ย.61 นอกจากนี้รัฐมนตรีการค้าเอเปคได้รับทราบความคืบหน้าของแผนการดำเนินการเปิดเสรีการค้าและการลงทุนโดยสมัครใจภายในปี 2563 ตามเป้าหมายโบกอร์ และกำหนดให้ทบทวนและประเมินผลการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.นี้
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า สมาชิกสนับสนุนให้เอเปคสานต่อบทบาทนำในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจการค้า เพื่อสร้างความง่ายในการดำเนินธุรกิจผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ ในรูปแบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ และกิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพและความสามารถอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ความสำคัญต่อการสร้างโอกาสของพื้นที่ห่างไกล ตลอดจนส่งเสริมบทบาททางธุรกิจของสตรี และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ จึงสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เพื่อลดต้นทุนการดำเนินการ และอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ให้เชื่อมโยงการค้าสู่ตลาดการค้าดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินการภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 และนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของไทย และไทยยังได้ผลักดันให้เอเปคดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของ MSMEs ในภาคบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยเน้นสาขาท่องเที่ยวและอาหาร
นอกจากนี้ ยังได้หารือทวิภาคีอย่างไม่เป็นทางการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง ในประเด็นการค้าระหว่างกัน รวมทั้งการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (HKETO) ประจำประเทศไทย และไทยได้ขอบคุณฮ่องกงที่เป็นผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิรายสำคัญของไทย พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่าการซื้อข้าวปริมาณมากในช่วงเก็บเกี่ยว นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อในฮ่องกงที่ได้บริโภคข้าวที่หอมและมีรสชาติดียิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยสนับสนุนและยกระดับรายได้แก่เกษตรกรไทยอีกทางหนึ่งด้วย
"การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ไทยได้เสริมสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนการส่งเสริมการค้าการลงทุนในเวทีระดับภูมิภาคขนาดใหญ่ และช่วยเสริมสร้างบทบาทและภาพลักษณ์ที่ดีของไทย จึงเป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนของไทยในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อย่างทั่วถึงและยั่งยืนต่อไป" น.ส.ชุติมา กล่าว