นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กองทุนได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย ในการเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้กู้ยืม กยศ. และกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ด้วยระบบคิวอาร์โค้ด โดยสามารถชำระได้ 2 รูปแบบ คือ แบบ Static QR โดยการสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านบริการ KTB netbank และเลือกประเภทกองทุนที่ต้องการชำระหนี้คืน หรือแบบ Dynamic QR เป็นการสแกนคิวอาร์โค้ด ผ่าน www.studentloan.ktb.co.th หรือ www.studentloan.or.th ด้วยโมบายแบงก์กิ้งแอพลิเคชั่นทุกธนาคาร
ทั้งนี้ ในปีนี้มีผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระประมาณ 3.5 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้ 4 แสนล้านบาท โดยในปีนี้ กยศ. เตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระประมาณ 1.2 แสนราย มูลหนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยรายละ 1 แสนบาท จากยอดการฟ้องร้องทั้งหมดในรอบ 10 ปีที่ประมาณ 1.2 ล้านคดี มูลหนี้ 4.8 หมื่นล้านบาท
"ปัจจุบัน กยศ. ปล่อยกู้ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาแล้ว 5.4 ล้านราย คิดเป็นวงเงิน 5.7 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้มีการชำระและปิดบัญชีไปแล้ว 8 แสนราย มีสถานะเสียชีวิตหรือพิการ 5 หมื่นราย ทำให้ยังเหลือผู้กู้ในระบบทั้งสิ้น 4 ล้านราย ในส่วนนี้เป็นลูกหนี้สถานะปกติประมาณ 1 ล้านกว่าราย และมีสถานะผิดนัดชำระ 2 ล้านกว่าราย คิดเป็นมูลหนี้ 6.8 หมื่นล้านบาท" นายชัยณรงค์ กล่าว
พร้อมระบุว่ ในปีนี้ กยศ. ตั้งเป้าหมายปล่อยกู้ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประมาณ 7 แสนราย เป็นเงิน 3 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันกองทุนฯ มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอที่จะรองรับการดำเนินการในแต่ละปี แต่ก็อยากประชาสัมพันธ์ให้ผู้กู้ยืมรุ่นพี่รีบมาชำระเงินคืนภายในวันที่ 5 ก.ค. ของทุกปี หากล่าช้าเกินกำหนดอาจต้องเสียเบี้ยปรับจำนวนมากได้
นอกจากนี้ ในเดือน ก.ค.61 จะเริ่มดำเนินแนวทางการหักเงินเดือนข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างชั่วคราวที่เป็นลูกหนี้ กยศ. นำร่องกับข้าราชการกรมบัญชีกลางก่อน หลังจากนั้นจะดำเนินการหักเงินเดือนกับข้าราชการกระทรวงการคลัง และส่วนราชการทั้งหมดต่อไป โดยปัจจุบันมีข้าราชการที่เป็นลูกหนี้ กยศ. ทั้งสิ้น 1.7 แสนราย มูลหนี้ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยในจำนวนนี้ มีสถานะชำระปกติ 9 หมื่นกว่าราย และผิดนัดชำระอีก 7 หมื่นกว่าราย โดยลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระติดกัน 5 งวด จะถูกดำเนินคดีฟ้องร้อง
ส่วนการหักเงินเดือนลูกหนี้กับบริษัทเอกชนนั้น จะเริ่มดำเนินการได้ในปลายปี 2561 โดยจะนำร่องกับบริษัทขนาดใหญ่ก่อน อาทิ ซีพี, ธนาคารกรุงไทย และรัฐวิสาหกิจ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นต้น
ด้านนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระหนี้ และเพื่อสนับสนุนนโยบายการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ตามโครงการ National e-Payment โดยสามารถชำระผ่านโมบาย แบงก์กิ้งแอพลิเคชั่นของทุกธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. นี้เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 07.30-20.30 น. โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ