นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจ 10 สาย ออกตรวจสอบการจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้ม (LPG) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ราคาและการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ส่วนในต่างจังหวัด สำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ออกตรวจสอบร้านจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มทั่วประเทศเช่นเดียวกัน ภายหลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้นำเงินกองทุนน้ำมัน 30,500 ล้านบาท มาใช้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนกิโลกรัม (กก.) ละ 10 บาท ส่งผลให้ราคาลดลงถัง (15 กก.) ละ 32 บาท โดยราคาขายปลีกปัจจุบันอยู่ที่ถังละ 363 บาท
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ประกอบการหลายรายจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร กรมฯ จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดออกไปตรวจสอบการบรรจุและปริมาตรของก๊าซหุงต้มทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนซื้อก๊าซหุงต้มได้ในปริมาณบรรจุที่ครบถ้วน
พร้อมกับฝากเตือนไปยังประชาชนว่า ก่อนจะเลือกซื้อต้องดูป้ายแสดงราคา และค่าบริการขนส่งก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อด้วย
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายก๊าซหุงต้มสูงขึ้นเกินกว่าราคาแนะนำ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน เจ้าหน้าที่จะนำข้อร้องเรียนส่งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจสอบต่อไป รวมทั้งสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยหากตรวจสอบแล้วพบผิดจริง จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด
"ขอเตือนผู้จำหน่ายก๊าซหุงต้ม จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ต้องปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีก ค่าบริการขนส่งในรัศมีเกินกว่า 5 กม. และค่าบริการอื่นๆ และไม่จำหน่ายปลีกในราคาที่สูงเกินสมควร ซึ่งกรมฯ จะอ้างอิงราคาจำหน่ายปลีกจากกระทรวงพลังงาน หากตรวจพบจำหน่ายสูงเกินสมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากฉ้อโกงน้ำหนักจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าว