ธนาคารธนชาต (TBANK) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดโครงการ "รู้จักกลลวง รู้ทันมิจฉาชีพ ปลอดภัยทางการเงิน" เพื่อให้ข้อมูลความรู้และเตือนภัยประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อและนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TBANK กล่าวว่า ธนาคารให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิทธิประโยชน์ของลูกค้าอย่างสูงสุด โดยการป้องกันไม่ให้ลูกค้าตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว ซึ่งธนาคารมีระบบการระบุตัวตนก่อนเปิดบัญชีใหม่ และมีการซักถามข้อมูลซึ่งหากไม่ตรงกันหรือมีการเปิดบัญชีมากเกินไปอาจระงับไม่ให้เปิดบัญชีใหม่ และระบบการตรวจสอบการทำรายการที่ผิดปกติ โดยที่ผ่านมายังพบความเสียหายจากการหลอกลวงอยู่ และได้ติดตามเงินมาได้ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะต้องให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
"ความร่วมมือดังกล่าวยังสะท้อนถึงความห่วงใยลูกค้าของธนชาตและประชาชน ซึ่งยึดถือเรื่องการรักษาผลประโยชน์และความลับของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยเชื่อมั่นว่าการเผยแพร่ข้อมูลเตือนภัยที่เป็นประโยชน์จาก DSI ออกไปสู่วงกว้าง เป็นการแบ่งปันที่บอกต่อความรู้โดยจะนำมาซึ่งการรู้ทันกลโกงของมิจฉาชีพ และพนักงานธนาคารจะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่คอยเป็นหูเป็นตา และเฝ้าระวังความผิดปกติต่างๆ ให้กับลูกค้าของเรา" นายสมเจตน์กล่าว
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี DSI เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับธนาคารธนชาต จัดทำโครงการ "รู้จักกลลวง รู้ทันมิจฉาชีพ ปลอดภัยทางการเงิน" เพื่อให้ข้อมูลความรู้และเตือนภัยประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ โดยร่วมกันจัดทำสื่อสารสนเทศ (คลิปวิดีโอ) จำนวน 10 เรื่อง โดยแต่ละเรื่องมีเนื้อหาที่จำลองมาจากเหตุการณ์จริงของกลุ่มมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ พร้อมคำแนะนำเพื่อรับมือหากต้องประสบกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ TBANK และ DSI ร่วมกันจัดทำคลิปวิดีโอ 10 คลิป แต่ละคลิปมีเนื้อหาที่จำลองมาจากเหตุการณ์จริงของกลุ่มมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ พร้อมคำแนะนำเพื่อรับมือหากต้องประสบกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยประชาชนชมคลิปเหล่านี้ได้ทุกช่องทางออนไลน์ของธนชาต ได้แก่ เว็บไซต์ www.thanachartbank.co.th ยูทูบ Thanachart Bank เฟซบุ๊ก Thanachart Bank และช่อง Thanachart Channel ที่ธนาคารธนชาตทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงเว็บไซต์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีประชาชนจำนวนมากเข้าแจ้งความการหลอกลวงของกลุ่มมิจฉาชีพที่ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินโดยอาศัยช่องทางโทรศัพท์ในการหลอกให้ประชาชนโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม หรือที่เรียกในชื่อแก๊งค์ Call Center ซึ่งในปี 60 ที่ผ่านมาเกิดความเสียหายมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท โดยกลุ่มประชาชนที่ถูกหลอกลวงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ อีกทั้งยังเตือนประชาชนไม่ให้หลงเชื่อพฤติกรรมดังกล่าว เนื่องจากภาครัฐจะไม่ขอเอกสารหรือข้อมูลส่วนตัวผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งหากต้องการข้อมูลของประชาชนจะทำการส่งเป็นเอกสารไปโดยตรง
ขณะที่พฤติกรรมส่วนใหญ่ของกลุ่มมิฉาชีพจะเป็นการโทรศัพท์มาหาเหยื่อผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตที่สามารถปลอมแปลงเบอร์โทรศัพท์ได้ โดยจะขึ้นเป็นเบอร์โทรศัพท์ของภาครัฐ และสอบถามข้อมูลส่วนตัว ซึ่งต่อมาจะมีการยื่นข้อเสนอให้ทำรายการผ่านตู้เอทีเอ็ม อาทิ การหลอกลวงว่าจะคืนภาษีเงินได้ โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะให้ทำรายการเป็นภาษาอังกฤษ และบอกขั้นตอนการทำรายการอย่ารวดเร็ว จนสำเร็จการทำรายการโอนเงินเข้าสู่บัญชี ซึ่งเมื่อทำการโอนเงินไปแล้วจะสามารถติดตามเงินได้ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่กลุ่มมิจฉาชีพมีเครือข่ายอยู่ในต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังเตือนประชาชนไม่ให้หลงเชื่อการจ้างเพื่อเปิดบัญชี ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพจะมีพฤติกรรมหลอกลวงว่าจะได้รับค่าตอบแทนสูงเมื่อเปิดบัญชีให้ เนื่องจากหากเกี่ยวข้องกับกลุ่มมิจฉาชีพจะถูกตรวจสอบและอาจมีความผิดทางอาญา
https://www.youtube.com/watch?v=1Zef6VNCE8w