นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยภายหลังนำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ EXIM BANK ไปเยือนเวียดนามเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ได้เข้าพบผู้บริหารระดับสูงจากธนาคารกลางเวียดนาม (State Bank of Vietnam : SBV), ธนาคารเพื่อการพัฒนาเวียดนาม, สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เพื่อหารือเกี่ยวกับกฎระเบียบทางการเงิน โอกาสทางการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในเวียดนาม แนวทางขยายความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในไทยและเวียดนาม เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนไทย-เวียดนาม ตลอดจนศึกษาความเป็นไปได้ที่ EXIM BANK จะเข้าไปจัดตั้งสำนักงานผู้แทน ธสน.ในเวียดนาม
จากนั้น ได้เดินทางไปยังนครโฮจิมินห์ พบกับกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ ประธานสมาคมนักธุรกิจไทยในเวียดนามและกลุ่มนักธุรกิจไทยในเวียดนาม สมาชิกโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (Young Entrepreneur Network Development Program : YEN-D Program) และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ จากภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสวงหาลู่ทางขยายความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนการค้าการลงทุนไทย-เวียดนามเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดที่มีความโดดเด่นหลายประการ อาทิ มีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกและมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 6% ไปอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปีข้างหน้า กลุ่มผู้บริโภครายได้ปานกลางขยายตัวอย่างรวดเร็วจาก 12 ล้านคนในปี 2557 เป็น 33 ล้านคนในปี 2563
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า จากการเดินทางเยือนเวียดนามครั้งนี้ พบว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยเข้าไปลงทุนในเวียดนามหลายธุรกิจแล้ว ดังนั้นโอกาสในระยะถัดไปของผู้ประกอบการไทย รวมถึง SMEs จึงอยู่ที่การผนวกเข้ากับซัพพลายเชน (Supply Chain) ของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีธุรกิจในเวียดนาม อาทิ การส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในห้างค้าปลีกของไทยในเวียดนาม พร้อมทั้งการเข้าไปเติมเต็มซัพพลายเชนด้วยธุรกิจสนับสนุน อาทิ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป
นอกจากนั้น ธุรกิจพลังงานก็ยังเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทย สอดคล้องกับความต้องการพลังงานของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยขยายการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและเวียดนาม และยกระดับความสัมพันธ์ไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเวียดนามที่จะผลิตและส่งออกจากเวียดนามไปยังประเทศที่สาม
โดยปัจจุบันเวียดนามเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 5 ของไทย สินค้าส่งออกสำคัญของไทยได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ ขณะที่เวียดนามเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 13 ของไทย สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากเวียดนาม ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน น้ำมันดิบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เหล็กและผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนามไปยังตลาดโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป จีน และญี่ปุ่น ได้แก่ โทรศัพท์และส่วนประกอบ สิ่งทอและเสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ รองเท้า เครื่องจักรและอุปกรณ์
"ในโลกการค้ายุคใหม่ ได้เกิดเทรนด์ขยายการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างฐานการผลิตและตลาดการค้าแห่งใหม่ที่เรียกว่า การลงทุนนำการค้า EXIM BANK พร้อมจับมือกับภาครัฐและเอกชน สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเพิ่มศักยภาพของธุรกิจตนเอง เติบโตไปสู่การเป็นบริษัทข้ามชาติ หรืออย่างน้อย เป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนของบริษัทข้ามชาติ โดยเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าสนใจในกลุ่ม CLMV" นายพิศิษฐ์กล่าว