นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ที่มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้คงสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในอัตรา 1 ต่อ 3 เช่นเดิม คือ หากนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ผู้นำเข้าต้องซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ 3 ส่วน เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาผลผลิตข้าวโพดในประเทศฤดูกาลผลิตใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนก.ย.61 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ยกเว้นการนำเข้าตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.-15 ส.ค.61 ให้กำหนดอัตราส่วนที่ 1 ต่อ 2 หรือผู้นำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2 ส่วน เพราะช่วงเวลาดังกล่าว ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศออกสู่ตลาดน้อย หากกำหนดให้ต้องรับซื้อ 3 ส่วน ผู้นำเข้าข้าวสาลีอาจหาซื้อข้าวโพดในประเทศไม่ได้
โดยผู้นำเข้าข้าวสาลีสามารถใช้หลักฐานการซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.- 15 ส.ค.61 มาใช้ประกอบในการขออนุญาตนำเข้าข้าวสาลีได้ สำหรับการคงสัดส่วน 1 ต่อ 3 และการกำหนดสัดส่วนใหม่ 1 ต่อ 2 เฉพาะช่วงเวลา ได้รับความเห็นชอบจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งเกษตรกร และผู้ผลิตอาหารสัตว์แล้ว
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม นบขพ.ยังเห็นชอบให้คงมาตรการรักษาระดับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยให้โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ความชื้น 14.5% ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 8 บาท ณ พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล สำหรับต่างจังหวัดปรับลดตามระยะทางค่าขนส่ง
"รัฐบาลให้ความสำคัญกับเกษตรกร จึงขอให้พี่น้องเกษตรกรมั่นใจว่าจะไม่มีการนำเข้าข้าวสาลีจำนวนมากมาใช้ผลิตอาหารสัตว์ จนส่งผลกระทบต่อราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ เนื่องจากได้มอบหมายคณะทำงานตรวจสอบสต็อกสินค้าเกษตร และคณะทำงานตรวจสอบปริมาณการรับซื้อข้าวโพด กำกับดูแลตรวจสอบการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การนำเข้าข้าวสาลีให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ รวมทั้งสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวสาลีของทั้งโรงงานอาหารสัตว์และผู้รวบรวมอย่างใกล้ชิด และเคร่งครัด หากพบว่ามีความผิดปกติในการซื้อขาย หรือปริมาณสต็อก จะสั่งระงับการนำเข้าทันที" ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าว
พร้อมระบุว่า มาตรการข้างต้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์และความเหมาะสม โดยกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์การนำเข้าข้าวสาลีและวัตถุดิบทดแทนที่ใช้ผลิตอาหารสัตว์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งเกษตรกร โรงงานอาหารสัตว์ และอุตสาหกรรมปศุสัตว์