นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดปีนี้มูลค่าการส่งออกอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ จะอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท ขยายตัวที่ระดับ 4-5% โดยมีมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ คิดเป็น 26% ของการส่งออกทั้งหมด
"ปีนี้อุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4% เนื่องจากเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมทุกประเภท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมโทรคมนาคม" นางกนิษฐ กล่าว
สำหรับผลกระทบจากสงครามการค้าในขณะนี้ ถือเป็นทั้งวิกฤตและโอกาสขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และสิ่งที่เป็นห่วงคือการกำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ ในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วม
ส่วนกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น จะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างประเทศในช่วงสั้นๆ เท่านั้น
ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมไทยญี่ปุ่น กล่าวว่า อุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ ยุคนี้กำลังก้าวเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบ 3 เพื่อเป็นสมาร์ทอินดัสทรี ขณะที่มีสัดส่วนของ SME มากถึง 80% ซึ่งต้องเร่งยกระดับให้สามารถก้าวต่อไปด้วยกัน
สำหรับแนวทางการลงทุนจากญี่ปุ่นในขณะนี้ยังมีความต่อเนื่อง เพราะมีความพอใจต่อสาธารณูปโภคพื้นฐาน และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากภาครัฐของไทย
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ ในอนาคตไม่ใช่แค่การเพิ่มยอด GDP แต่จะต้องเชื่อมโยงกับอาเซียนที่เป็นทั้งคู่แข่งและคู่ค้า การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะขณะนี้ถือว่าอุตสาหกรรมกำลังก้าวสู่การปฏิวัติรอบสามแล้ว
"กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ ยังต้องดำเนินต่อไป เพราะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมรากฐานขนาดใหญ่ที่มีแรงงานมากถึง 7 แสนคน หรือ 17.7% ของภาคการผลิต"
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยยุคดิจิทัลว่า อุตสาหกรรมยุคใหม่ต้องอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น การใช้หุ่นยนต์ผลิตสินค้าแทนแรงงานคน รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาแทนเครื่องยนต์ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องแสวงหาพันธมิตรเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า เรากำลังเร่งสร้างคน โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา และดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี
"ในอนาคตตัวคนเดียวคงไม่สามารถอยู่ได้แล้ว ต้องจับมือกันเพื่อช่วยกันคิดช่วยกันทำ มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำคนเดียวไม่ได้ อยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว ต้องหาพาร์ทเนอร์เข้ามาเติมเต็มให้ตัวเอง" นายสุพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ กำลังผลักดันให้มีการตรากฎหมายเพื่อดูแลเรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขอความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในชั้นการพิจารณาของคณะกฤษฎีกา