นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่ กรมฯ ได้กำหนดให้ผู้ผ่านคุณสมบัติผู้เสนอซื้อเบื้องต้นสามารถยื่นซองเสนอซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2561 ในวันนี้ (15 มิ.ย.) ซึ่งผลจากการเปิดซองเสนอซื้อในช่วงบ่าย ปรากฏว่ามีผู้สนใจมายื่นซองจำนวน 13 ราย โดยเป็นผู้เสนอซื้อสูงสุด จำนวน 11 ราย ใน 64 คลัง ปริมาณ 0.53 ล้านตัน จากปริมาณ 0.54 ล้านตัน จำนวน 80 คลัง (คิดเป็น 97.60% ของปริมาณที่เปิดประมูลทั้งหมด) มูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 1,802 ล้านบาท ซึ่งมีราคาเสนอซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 3,220 บาท/ตัน สำหรับชนิดข้าวที่มีผู้เสนอซื้อมากที่สุด คือ ข้าวขาว 5% ปริมาณ 0.30 ล้านตัน คิดเป็น 56.44% รองลงมา คือ ข้าวเหนียวขาว 10% ปริมาณ 0.08 ล้านตัน คิดเป็น 14.51%
ก่อนหน้านั้น มีผู้ผ่านคุณสมบัติผู้เสนอซื้อเบื้องต้นในการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2561 จำนวนทั้งหมด 15 ราย
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ จะดำเนินการประมวลผลการยื่นซองเสนอซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ก่อนเสนอประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาให้ความเห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐ โดยข้าวที่นำออกมาระบายกลุ่มนี้เป็นการจำหน่ายเข้าสู่อุตสาหกรรม ซึ่งคณะกรรมการ นบข.ได้ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการนำข้าวในสต็อกของรัฐไปใช้ในอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก โดยกำชับให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) คุมเข้มกำกับดูแลให้ผู้ซื้อนำข้าวในสต็อกของรัฐไปใช้ในอุตสาหกรรมตามหนังสือรับรองตนเองที่แจ้งไว้โดยเคร่งครัด เพื่อป้องกันการรั่วไหลเข้าสู่ระบบการค้าปกติ ซึ่งหากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข มีการนำข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ภายหลังจากการเปิดประมูลข้าวกลุ่ม 2 เพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน 1.49 ล้านตันเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสนอซื้อไป 1.48 ล้านตัน และการเปิดประมูลข้าวกลุ่ม 3 อีก 540,000 ตัน เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ซื้อ 530,000 ตัน ทำให้เหลือข้าวทั้ง 2 กลุ่มในสต็อกอีกประมาณ 20,000 ตัน จากสต็อกทั้งหมดที่รับมาจากรัฐบาลก่อนราว 18 ล้านตัน ซึ่งกรมฯ จะนำมาเปิดประมูลให้หมดภายในปีนี้ โดยปริมาณข้าวที่เหลืออยู่เพียง 20,000 ตัน ไม่กดดันราคาข้าวในตลาดขณะนี้ เพราะสามารถระบายข้าวได้บรรลุเป้าหมาย นับเป็นความสำเร็จของ นบข.และคณะทำงานชุดก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศและดำเนินการระบายข้าว พบว่า สามารถระบายข้าวได้แล้ว 16.89 ล้านตัน มูลค่า 145,909 ล้านบาท ส่วนการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-13 มิ.ย.61 ส่งออกได้แล้ว 5.19 ล้านตัน เพิ่ม 7.51% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 ที่ส่งออกได้ 4.83 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,636 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 2,059 ล้านดอลลาร์