นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 19-26 มิ.ย.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการนำคณะผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐและภาคเอกชนเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อยกระดับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐฝรั่งเศส ทั้งด้านการค้า การลงทุน และอื่นๆ หลังจากเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.60 คณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปได้ออกแถลงการณ์รื้อฟื้นความสัมพันธ์กับไทยและสหภาพยุโรปจากที่เคยยุติความสัมพันธ์กับประเทศไทยเมื่อเดือน มิ.ย.57
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร และนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีจะหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ของทั้งสองประเทศด้วย
สำหรับเอกชนรายใหญ่แห่งสหราชอาณาจักรที่เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีของไทย ประกอบด้วย Mr.Gregory Hodkinson , Chairman of the Global Group, บริษัท Arup และ Mr.Mark E.Tucker, Group Chairman บริษัท HSBC และ Mr.Paul Manduca , Chairman บริษัท Prudential
ส่วนเอกชนรายใหญ่ของประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศสนั้น นายกรัฐมนตรีจะหารือกับนาย Guillaume Faury ประธานบริษัท Airbus Commercial Aircraft พร้อมทั้งเยี่ยมชมสายการผลิตของชิ้นส่วนอากาศยาน และร่วมพิธีเปิดตัวแบบจำลองศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance, Repair and Overhaul-MRO) รวมถึงพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงสัญญากรอบการร่วมทุนระหว่าง บมจ.การบินไทย (THAI) กับ Airbus Commercial Aircraft
นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ซึ่งร่วมคณะไปนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้มีกำหนดการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) รวม 6 ฉบับ ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนของไทยกับสหราชอาณาจักร ประกอบด้วย
1.การลงนาม MOU ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับเทสโก้ กรุ๊ป เรื่องความร่วมมือพัฒนาสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก ด้วยการนำสินค้าเอสเอ็มอีไทยมาพัฒนาร่วมกับศูนย์นวัตกรรม (Innovation Center) ของเทสโก้ และส่งออกไปจำหน่ายในห้างเครือข่ายในสหราชอาณาจักร ยุโรป และเอเชีย
2.การลงนาม MOU ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กับ บริติช เคานซิล (British Council) ซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติที่ส่งเสริมการศึกษา ศิลปะ และวัฒนธรรมแห่งสหราชอาณาจักร ในเรื่องความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ซึ่งมีสินค้าหัตถกรรมและดีไซน์ (Handicraft & Design) เป็นเป้าหมายในการพัฒนา โดยจะร่วมกันพัฒนา Creative Hub ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทยให้มีความพร้อมที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ทันสมัย สวยงาม ผ่านฝีมือคนไทย โดยยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย เพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้า และเป็นที่ต้องการของตลาดในระดับสากล
3.การลงนาม MOU ร่วมระหว่าง บมจ.พีทีทีโกลบอล เคมิคอล (PTTGC) กับ Digital Barriers เรื่องความร่วมมือหาแนวทางนำนวัตกรรมระบบความปลอดภัยมาใช้กับแนวท่อส่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯไปยังลูกค้า
4.การลงนาม MOU ระหว่าง PTTGC กับ Arturius International เรื่องความร่วมมือหาแนวทางนำนวัตกรรมระบบความปลอดภัยมาใช้
5.การลงนาม MOU ระหว่าง PTTGC กับ UK Export Finance (ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือทางการเงินกับผู้ส่งออก) เรื่องเสนอแนวทางความร่วมมือในการใช้องค์ความรู้บริการและอุปกรณ์ด้านวิศวกรรมที่เป็น UK content ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร 100-200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และแสดงความประสงค์จะขอรับการสนับสนุนเงินกู้โครงการขนาดใหญ่ในอนาคตของบริษัทฯ ในมลรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ
6.การลงนาม MOU ระหว่างโรลส์-ลอยซ์ (Roll Royce) กับ THAI เรื่องความร่วมมือในการร่วมลงทุนจัดตั้งศูนย์ซ่อมอากาศยานดอนเมือง
นอกจากนี้ รมว.พาณิชย์ จะเป็นประธานประชุมเตรียมการกับภาคเอกชนไทย ซึ่งเป็นการประชุมสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (TUBLC) เช่น กลุ่มบริษัทไทยเบฟเวอเรจ (Thai Beverage Group) , บมจ. ปตท. (PTT), กลุ่มบริษัทซีพี (CP Group) , บมจ. เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (S&P), กลุ่มบริษัทคาราบาว (Carabao Group) , บมจ. การบินไทย (THAI) พร้อมกันนี้ยังมีการหารือกับ FSB ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเอสเอ็มอีของสหราชอาณาจักรอีกด้วย
สำหรับกิจกรรมในประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศสนั้น รมว.พาณิชย์และคณะผู้บริหารจะเข้าร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างนักธุรกิจไทย และสาธารณรัฐฝรั่งเศส จำนวน 5 ฉบับ ประกอบด้วย
1.การลงนาม MOU ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กับ ICC เรื่องความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ หรือ New Economy Academy (NEA) ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสถาบันไอซีซี (ICC Academy) ในการพัฒนาเอสเอ็มอีไทย และแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบด้านการค้า นโยบาย พิธีการศุลกากร
2.การลงนาม MOU ในกรอบความร่วมมือสัญญาว่าจ้างระหว่าง PTTGC กับ Dassault Systemes เรื่องโครงการ Digitization รับจ้างติดตั้งและดำเนินการเทคโนโลยีระบบโครงสร้าง Visualization ในการวิเคราะห์ข้อมูลและเชื่อมต่อระบบวิศวกรรมในโรงงาน
3.การลงนาม MOU ระหว่าง Loxley กับ POMA เรื่องความร่วมมือในการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ (Smart City)
4.การลงนาม MOU ระหว่าง บริษัท มิตรผล กับ Maguin & Cristal Union เพื่อผลิต Superfind alcohol สำหรับการผลิตยาและเครื่องสำอาง
5.การลงนาม MOU ระหว่างบริษัท มิตรผล กับ Roquette เพื่อผลิต Functional Starch
การเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐฝรั่งเศสของนายกรัฐมนตรีและคณะในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างมาก ทั้งด้านการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน ตลอดจนการเจรจาขยายลู่ทางการนำเข้าสินค้าไทยให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเจรจาความร่วมมือใหม่ๆ อีกหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ Creative Economy และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลไทย ที่จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของคนไทย ขยายโอกาสทางการค้า เชื่อมโยงตลาดการค้าที่สำคัญของโลกเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจด้านการค้า การลงทุน ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน