นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ร่วมจัดทำร่วมกับหอการค้าไทย จัดทำดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC Confidence Index) ที่เป็นตัวชี้วัดสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจและภาคธุรกิจในระดับภูมิภาค และเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในระดับภูมิภาค พร้อมทั้งนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในแต่ละภูมิภาค โดยจะมีการสำรวจความเห็นจากประธานหอการค้าจังหวัด รองประธานหอการค้าจังหวัด เลขาและกรรมการหอการค้าจังหวัดในทุกจังหวัดของประเทศไทยกว่า 300 ตัวอย่าง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทยตัวใหม่ เดือน พ.ค.61 อยู่ที่ 47.7 ปรับตัวลดลงจาก 49.4 ในเดือน เม.ย.61 ซึ่งเป็นค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 50 จุด บ่งชี้ว่าสถานการณืมีแนวโน้มจะแย่ลง หรืออยู่ในระดับไม่ดี
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากสถานการณ์ภาคการเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัว ส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ปรับตัวลงเล็กน้อย ขณะที่ด้านของภาคการผลิตที่ปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ การท่องเที่ยวและบริการ ส่วนทางด้านภาคอุตสาหกรรมและภาคการค้ายังคงมีสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบในแต่ละภูมิภาค พบว่า กรุงเทพฯและปริมณฑลปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้มาจากการบริโภคและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น จากความเชื่อมั่นของนักธุรกิจที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมทั้งสถานการณ์การส่งออกที่ดีขึ้น
ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และ ภาคใต้ มีสถานการณ์ที่ปรับตัวลดลงและมีค่ำดัชนีต่ำกว่า 50 จุด ทั้งนี้เป็นผลมาจากระดับราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ ทำให้ระดับรายได้ลดลง รวมทั้งระดับราคาต้นทุนการผลิตหรือการให้บริการสูงขึ้น จึงเห็นว่าภาครัฐควรมีการอัดฉีดเม็ดเงินและลงไปช่วยเหลือภาคเกษตรให้มากขึ้น
ส่วนภาคตะวันออก เป็นภาคที่มีการปรับตัวลดลงจากเดือนที่ผ่านมา แต่ค่าดัชนีสูงกว่า 50 นั่นแสดงให้เห็นว่าภาคตะวันออกยังคงมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและธุรกิจของพื้นที่ แต่การปรับตัวลดลงดังกล่าวเป็นผลมาจากกำลังซื้อที่ลดลงเล็กน้อยและการลงทุนที่ชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม นายธนวรรธน์ ยังคงเชื่อว่า แนวโน้มในระยะยาวเศรษฐกิจในทุกภาคจะปรับตัวดีขึ้น และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะขยายตัวได้ 4-5%
"ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจะเข้ามาติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจรายภาคมากขึ้นสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่เน้นการพัฒนาระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด"นายธนวรรธน์ กล่าว
ด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงข้อเสนอแนะของภาคธุรกิจจากผลของดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ใน 3 เรื่อง คือ 1.ปัญหาการชะลอตัวของการบริโภค โดยเห็นว่า รัฐบาลควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนงานที่วางไว้ เพื่อให้เกิดการลงทุนและการใช้จ่ายในพื้นที่ 2.ปัญหารายได้ที่กระจุกตัวในบางพื้นที่ โดยเห็นว่า ต้องสร้างแรงจูงใจให้เกิดการสร้างกิจกรรมในเมืองรอง ทั้งด้านการท่องเที่ยว และการจัดประชุมสัมนาโดยมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษี
และ 3. ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรอยู่ในระดับต่ำ โดยเห็นว่ารัฐบาลต้องออกมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาให้ภาคเกษตรมีความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและสร้างโอกาสในการขยายสินค้าด้วย