ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตการส่งออกปี 2561 มาอยู่ที่ 8.5% จากเดิมที่ 7.5% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปีนี้ จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันอาจได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตการนำเข้าปี 2561 มาอยู่ที่ 13.5% จากเดิมที่ 12.2% โดยเติบโตตามความต้องการสินค้าวัตถุดิบและสินค้าทุน ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวตามการลงทุนในประเทศ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงหลังจากนี้ ประกอบกับมูลค่าการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
โดยอีไอซีได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 72 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้น 33% ในขณะที่ผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อการส่งออกไทยในปีนี้ยังมีค่อนข้างจำกัด เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถชดเชยการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้ด้วยการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ที่ยังขยายตัวได้ดี
สำหรับกรณีสงครามการค้ายังถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แม้ผลกระทบจากสงครามการค้าที่มีต่อการส่งออกไทยในปี 2561 ยังมีค่อนข้างจำกัด แต่ในระยะต่อไปเหตุการณ์อาจรุนแรงขึ้นจนกระทบปริมาณการค้าและเศรษฐกิจโลก อีกทั้งนโยบายกีดกันทางการค้าอาจทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ผู้ผลิตต้องปรับเปลี่ยนแผนการผลิตหรือนำเข้า โดยอาจผลิตในประเทศมากขึ้นและลดการลงทุนนอกประเทศเพื่อผลิตสินค้าส่งออก ซึ่งจะกระทบการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) สู่ไทย และกระทบมูลค่าการส่งออกของไทยในอนาคตอีกด้วย
ทั้งนี้ อีไอซีประเมินว่ามาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากจีน 1,102 รายการ (มูลค่ารวมราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) อาจกระทบการส่งออกสินค้าขั้นกลาง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไทยไปจีน คิดเป็นสัดส่วนราว 0.34% ของการส่งออกไทยทั้งหมด ขณะที่มาตรการตอบโต้ของจีนที่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 659 รายการ (มูลค่ารวมราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยรวมอาจไม่กระทบการส่งออกไทยมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นสินค้าในหมวดเกษตรที่มีความเกี่ยวข้องกับการส่งออกไทยค่อนข้างน้อย นอกจากนี้ มาตรการตอบโต้ของจีนอาจส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าในกลุ่มเคมีภัณฑ์และพลาสติกของไทย เนื่องจากจีนอาจมีความต้องการสินค้าจากไทยมากขึ้นเพื่อทดแทนการนำเข้าจากสหรัฐฯ
อีไอซีได้แนะผู้ประกอบการเฝ้าระวังเงินบาทผันผวน แม้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา การอ่อนค่าของค่าเงินบาทมีสาเหตุมาจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตามทิศทางนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักที่มีแนวโน้มตึงตัว ประกอบกับความกังวลต่อนโยบายกีดกันทางการค้าก็ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น (risk-off sentiment) เงินทุนจึงไหลออกจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) รวมทั้งไทย แต่เงินบาทที่อ่อนค่าลงสนับสนุนรายได้ในรูปเงินบาทของผู้ส่งออกไทยให้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม อีไอซีประเมินว่าเงินบาทยังมีความผันผวน ซึ่งรวมถึงโอกาสในการกลับมาแข็งค่าจากหลายปัจจัย อาทิ ความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงินและการค้าโลกที่อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาอ่อนค่า ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรเฝ้าระวังความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน
อนึ่ง วันนี้กระทรวงพาณิชย์แถลงมูลค่าการส่งออกไทยเดือน พ.ค.2561 ขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ 11.4% นำโดยการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป และเคมีภัณฑ์และพลาสติก ด้านการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหลักยังคงเติบโตสอดคล้องกับภาคการผลิตของโลก เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อย่างไรก็ตาม การส่งออกยางพาราและน้ำตาลยังหดตัวลงจากราคาในตลาดโลกที่ตกต่ำ ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตที่ 11.6%