นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างนำคณะเดินทางไปโรดโชว์โครงการประชาสัมพันธ์ศักยภาพผลไม้ไทยที่ประเทศจีนตามนโยบาย รมว.พาณิชย์ ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นมหานครผลไม้ของโลก ตามแผนยุทธศาสตร์การค้าผลไม้ครบวงจร เพื่อเชื่อมโยงตั้งแต่ภาคการผลิต การตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยในท้องถิ่นที่มีศักยภาพและขีดความสามารถระดับสากล ให้เข้าถึงตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และเป้าหมายอันดับต้นๆ ในการทำตลาดผลไม้ของไทย
ที่ผ่านมากรมฯ ได้นำผู้ประกอบการไทย ทั้งที่เป็นบริษัทที่เป็นสมาชิกจากสมาคมผู้ประกอบการส่งออกผลไม้จังหวัดจันทบุรี และสมาชิกจากเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ร่วมเดินทางจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพผลไม้ไทย มุ่งสู่การเป็นมหานครผลไม้ของโลก ที่เมืองหนานหนิง มณฑลกว่างสี, เมืองกุ้ยหยาง, เมืองหลิวผานสุ่ย มณฑลกุ้ยโจว และนครเฉิงตู มณฑลเสฉวน
"จีนเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ผลไม้ไทยเกรดพรีเมี่ยมจะเข้าไปทำตลาด แต่ปัญหาส่วนใหญ่มาจากผู้นำเข้าจีนหลายมณฑลยังไม่ทราบถึงช่องทางในการติดต่อกับผู้ผลิตและผู้ประกอบการไทยโดยตรง ดังนั้นกรมฯ และสมาคมฯ จันทบุรีจะช่วยประสานเพื่อให้ผู้นำเข้าจีนได้พบปะโดยตรง ซึ่งผู้นำเข้าผลไม้จีนจำนวนมากพร้อมที่จะเดินทางไปเจรจาทางการค้า และเดินทางมาดูสวนผลไม้ถึงประเทศไทย" นางจันทิรา กล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับเมืองหนานหนิง มณฑลกว่างสี พบว่าในภาพรวมการนำเข้าจะเน้นสินค้าที่มีคุณภาพสูงมีภาพลักษณ์สินค้าที่ดี เพื่อจำหน่ายในกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง ผลไม้ไทยที่วางจำหน่ายในตลาดซุปเปอร์มาร์เก็ตโอเล่มีน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการ โดยลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการช่วงปกติเฉลี่ยวันละ 5,000 คน และวันเสาร์-อาทิตย์สูงถึงประมาณ 10,000 คนต่อวัน จึงทำให้ราคาขายค่อนข้างสูง โดยสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ ทุเรียน ส้มโอ กล้วย ขนุน เป็นต้น โดยเฉพาะทุเรียนสดราคา 90 หยวน/กก. หรือประมาณ 460 บาท/กก. พร้อมทั้งได้มีการหารือกับบริษัทรายใหญ่จากตลาดค้าส่งผลไม้ไฮกรีน บริษัทนำเข้าผลไม้จากเมืองผิงเสียง ซึ่งผู้ประกอบการจีนสนใจที่จะเดินทางไปสำรวจแหล่งเพาะปลูกผลไม้ไทย เพื่อจะได้เจอกับผู้ส่งออกและเกษตรกรโดยตรง
ส่วนเมืองกุ้ยหยางและเมืองหลิวผ่านสุ่ย มณฑลกุ้ยโจวนั้นได้หารือกับผู้บริหาร และผู้นำเข้าผลไม้ของตลาดตี้ลี่ที่เมืองกุ้ยหยาง และหารือกับผู้บริหารตลาดเฉาเจียวาน ทราบว่าผลไม้ไทยในตลาดเฉาเจียวาน เช่น ทุเรียนและมังคุด ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากนครคุนหมิง, นครกวางโจว และเมืองกุ้ยหยาง ทำให้ผลไม้ไม่สดใหม่ และมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งผู้นำเข้าเมืองนี้สนใจที่จะไปเยือนสวนผลไม้ไทย และติดต่อธุรกิจกับผู้ส่งออกไทยโดยตรง
สำหรับเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวนนั้นได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของห้างสรรพสินค้าอิโต โยคา และศูนย์กลางสินค้าเกษตรนานาชาติมณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นตลาดผลไม้ที่ใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน มีการนำเข้าผลไม้และสินค้าเกษตรอื่นๆ จากต่างประเทศกว่า 50 ชนิด มียอดการจำหน่ายสูงถึง 200,000 ตันต่อปีเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นศูนย์กระจายสินค้าไปยังมณฑลอื่นของจีน และเชื่อมต่อไปยังประเทศในยุโรปด้วย เบื้องต้นเอกชนจีนสนใจที่จะร่วมธุรกิจกับผู้ประกอบการผลไม้ไทย เช่น การร่วมทุน การตกลงทำสัญญาซื้อขายโดยไม่ผ่านคนกลาง และพร้อมที่จะเดินทางเยือนประเทศไทยโดยเฉพาะจังหวัดจันทบุรี เพื่อสำรวจแหล่งผลิตผลไม้ของไทยต่อไป
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ต้องการเสนอให้มีการจัดกิจกรรมสนับสนุนและส่งเสริมผลไม้ไทยในประเทศจีนอย่างต่อเนื่องและเร่งด่วน พร้อมทั้งกระจายตลาดเป้าหมายไปยังเมืองหลักและเมืองรอง เช่น ปักกิ่ง, คุนหมิง, เซิ่นหยาง, ผูเจี้ยน, ฉงชิ่ง และฉางชา เป็นต้น เพราะจะช่วยให้ไทยไม่เสียโอกาสทางการค้าและส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งสำคัญอย่าง เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย นอกจากนี้จะเร่งประสานความร่วมมือกับสมาคมการค้า เพื่อผลักดันแผนการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นมหานครผลไม้ของโลกได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป