นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้พิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ซึ่งมีสัดส่วนผสมไบโอดีเซลมากกว่าเกรดปกติ คือ B7 ที่จำหน่ายในปัจจุบัน เพื่อใช้สำหรับรถบรรทุกสินค้าและรถโดยสารสาธารณะที่ได้มีการปรับสภาพเครื่องยนต์ไว้แล้ว โดยกำหนดให้ราคาขายปลีก B20 ถูกกว่าดีเซลเกรดปกติ 3 บาท/ลิตร ด้วยการใช้กลไกด้านภาษีสรรพสามิต และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเครื่องมือ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.61
ทั้งนี้ คาดว่าจะทำให้สามารถรักษาระดับราคาขายปลีกดีเซล B20 ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร แม้หากว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะขยับเพิ่มแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลก็ตาม ทำให้ไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาค่าโดยสารและค่าบริการขนส่งสินค้า
นายศิริ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ขยับตัวเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็วจากระดับ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ช่วงต้นปี 2561 มาเป็นประมาณ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลโดยตรง ต่อต้นทุนราคาเชื้อเพลิงในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 3 บาท/ลิตร ทำให้ราคาขายปลีกดีเซลเพิ่มจากประมาณ 26 บาท/ลิตร เป็น 29 บาท/ลิตรในปัจจุบัน
ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับค่าโดยสารและค่าบริการขนส่งสินค้า กระทรวงพลังงานจึงได้เตรียมป้องกันไม่ให้การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันตลาดโลกที่อาจแตะระดับ 90-100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือการจำกัดการผลิตและส่งออกน้ำมันของผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ ทั้งกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกโอเปก มากระทบค่าครองชีพของประชาชน จึงได้พัฒนาน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษขึ้น คือ ดีเซล B20 ซึ่งมีสัดส่วนผสมไบโอดีเซลมากกว่าเกรดปกติ
สำหรับเป้าหมายหลักในการสนับสนุนน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ มี 2 ประการควบคู่กันคือ เพื่อช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มส่วนเกิน สร้างเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันอยู่ระดับไม่ต่ำกว่า 3.50 บาท/กิโลกรัมม (กก.) และลดภาระค่าใช้จ่ายของกิจการรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะ ด้วยการกำหนดให้ราคาขายปลีก B20 ถูกกว่าดีเซลเกรดปกติ 3 บาท/ลิตร โดยใช้กลไกด้านภาษีสรรพสามิต และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเครื่องมือ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อ 19 มิ.ย. 61 อนุมัติลดอัตราจัดเก็บภาษีสรรพสามิต B20 ลง 70 สตางค์/ลิตร (จาก 5.85 เป็น 5.152 บาท/ลิตร) ตามข้อเสนอของ กบง.
ผลที่เกิดขึ้นจะทำให้สามารถรักษาระดับราคาขายปลีกดีเซล B20 ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร แม้ว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะขยับเพิ่มแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็ตาม ทำให้ไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาค่าโดยสารและค่าบริการขนส่งสินค้า
สำหรับน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ B20 จะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.นี้เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นผู้ค้าน้ำมันฯ 7 ราย ตั้งสถานีบริการเป็นการเฉพาะให้แก่ผู้ประกอบการรถขนส่งสินค้า 24 รายทั่วประเทศ รวมทั้ง จะเริ่มทดลองใช้กับเรือด่วนเจ้าพระยาในวันเดียวกันด้วย
รมว.พลังงาน กล่าวว่า สำหรับรถบรรทุก และรถโดยสารที่สามารถใช้ B20 ได้นั้นจะต้องปรับสภาพเครื่องยนต์ก่อน ซึ่งมั่นใจว่าจะมีรถที่สามารถใช้ B20 ได้กว่า 50% ของรถบรรทุกและรถโดยสารทั้งสิ้น 8.8 แสนคัน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จะเข้าไปดูแล รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลต่อไป หลังจาก พพ. ทำการทดสอบ B20 แล้วเป็นเวลา 1 ปี ระยะทางกว่า 1 แสนกิโลเมตร ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพเครื่องยนต์
สำหรับราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรืออยู่ระดับ 90-100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งกระทรวงฯจะรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล ทั้ง B7 และ B20 ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถดูดซับน้ำมันปาล์มดิบได้ 3-4 แสนตัน/ปี ปัจจุบันผลิตอยู่ที่ 2.5 ล้านตัน/ปี แบ่งเป็นภาคบริโภค 9 แสนตัน/ปี และ B7 อยู่ที่ 1.2-1.3 ล้านลิตร/ปี ดังนั้น เชื่อว่าเมื่อมีการใช้ B20 ก็จะเข้ามาช่วยดูดซับส่วนเกินได้
ทั้งนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะยังทรงตัว 74-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในระดับนี้ไประยะหนึ่ง แต่มีโอกาสปรับขึ้น 90-100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในระยะสั้นหากเกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ แต่หากราคาน้ำมันปรับขึ้นมาก กระทรวงก็จะมีมาตรการบรรเทาผลกระทบค่าขนส่ง และค่าโดยสารต่อไป