พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัฒน์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ปากีสถาน และไทย-ตุรกี
"เพื่อประโยชน์สุงสุดทั้งไทย ปากีสถาน และตุรกี โดยจะคำนึงถึงหลักการพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน มีภูมิคุ้มกัน และกฎหมายภายในรองรับ" พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าว
โดยสาระสำคัญของร่างกรอบการเจรจาฯ จะครอบคลุม 11 ประเด็น ได้แก่ การค้าบริการ, การลงทุน, ทรัพย์สินทางปัญญา, การแข่งขันเสรีเป็นธรรม, พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์, การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ, สิ่งแวดล้อม, แรงงาน, ความร่วมมือทางวิชาการและการเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการ, การคุ้มครองผู้บริโภค และเรื่องอื่นๆ
ทั้งนี้ ปากีสถานเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการประชุมเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ปากีสถาน ครั้งที่ 10 ภายในปี 2561 และไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ตุรกี ครั้งที่ 4 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561
ปัจจุบันไทยมีข้อตกลง FTA ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) , อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์, อาเซียน-จีน, อาเซียน-ญี่ปุ่น, อาเซียน-เกาหลีใต้, อาเซียน-อินเดีย, ไทย-ญี่ปุ่น, ไทย-ออสเตรเลีย, ไทย-นิวซีแลนด์, ไทย-เปรู, ไทย-ชิลี และ ไทย-อินเดีย ส่วนข้อตกลงที่เจรจายุติแล้วแต่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.62 คือ อาเซียน-ฮ่องกง และข้อตกลงที่อยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) , ไทย-ศรีลังกา, ไทย-สหภาพยุโรป, ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ,ไทย-ปากีสถาน และไทยตุรกี