ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.11 อ่อนค่าจากช่วงเช้าหลังยังมี Flow ไหลออกต่อเนื่อง จากความกังวลสงครามการค้า

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 28, 2018 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 33.11 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้า ที่เปิดตลาดที่ 33.04 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.02-33.14 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทอ่อนค่าไปแตะระดับสูงสุดที่ 33.14 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ 8 พ.ย.60 (ครั้งนั้นขึ้นไปทดสอบ 33.15 บาท/ดอลลาร์) ปัจจัยหลักน่าจะมี Flow ไหลออกต่อเนื่องจากประเด็นเดิมๆ เกี่ยวกับสงครามการค้าที่สร้างความกดดันให้ ตลาดเกิดใหม่"นักบริหารเงิน กล่าว

สำหรับวันพรุ่งนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 33.05-33.20 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 33.0783 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 110.22 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 110.14 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1569 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1564 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,599.54 จุด ลดลง 19.12 จุด, -1.18% มูลค่าการซื้อขาย 56,974.68 ล้านบาท
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน พ.ค.61 ว่า ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ดี ส่วนการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณฟื้นตัว ประกอบกับราย
ได้เกษตรกรที่แท้จริงขยายตัวที่ 9.0% ต่อปีสูงสุดในรอบ 13 เดือน ทำให้คาดว่าการบริโภคในระดับฐานรากจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต

พร้อมคาดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปีนี้ จะสามารถเติบโตได้สูงกว่า 4% แม้จะขยายตัวได้ไม่ดีเท่าไตรมาส 1 ที่เติบโตได้ถึง 4.8% ก็ตาม เนื่องจากมีเครื่องชี้วัดหลายตัวในเดือน พ.ค.ที่ส่งสัญญาณดีกว่าปกติ ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาค เอกชน รายได้เกษตรกรที่แท้จริงที่การเติบโตเริ่มกระจายตัวไปในทุกภูมิภาค

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 61 เป็น 4.5% จากก่อน
หน้าที่เคยคาดไว้ที่ 4% เนื่องจากการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี และการใช้จ่าย การลงทุนในประเทศขยายตัวมากขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังปรับเพิ่มคาดการณ์การส่งออกไทยในปีนี้ขึ้นเป็น 8.8% จากเดิม 4.5% โดยได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจ ต่างประเทศที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนนั้น อาจเป็นปัจจัยที่บั่นทอนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ในระยะข้างหน้าได้

  • คณะกรรมาธิการด้านงบประมาณแห่งรัฐสภาเยอรมนีได้ให้การอนุมัติแผนงบประมาณประจำปี 2561 เป็นวงเงิน
3.436 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 3.974 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายขึ้นจากปี 2560 ราว 4%
  • ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยของเฟดน่าจะอยู่ในระดับที่เป็นกลางแล้ว
พร้อมกับเตือนว่า หากเฟดยังเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ก็อาจจะเป็นการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินที่รุนแรงเกินไป
  • รัฐบาลจีนได้เปิดเผยรายงานสมุดปกขาวที่มีใจความว่า จีนพยายามที่จะปกป้องการปฏิบัติงานขององค์การการค้าโลก
(WTO) ในการจัดการกับความขัดแย้งทางการค้า และจีนเองก็สามารถจัดการความขัดแย้งที่มีร่วมกับประเทศสมาชิก WTO มาได้อย่าง
ดีโดยตลอด
  • ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินจำนวน 8 หมื่นล้านหยวน ผ่านทางข้อตกลงการขายพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน

(reverse repo) ในขณะเดียวกันมีข้อตกลง reverse repo ที่ครบกำหนดไถ่ถอนมูลค่า 1.8 แสนล้านหยวน ซึ่งเท่ากับว่า มีเม็ด

เงินสุทธิที่ถูกระบายออกจากระบบทั้งสิ้น 1 แสนล้านหยวน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ