นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทล่าสุดว่า ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับภูมิภาค จึงไม่น่าเป็นห่วง แม้ค่าเงินจะเปลี่ยนแปลงก็เปลี่ยนแปลงน้อยกว่าประเทศอื่น เพราะฐานะต่างประเทศของไทยเข้มแข็ง มีกันชนพอสมควร มีหนี้ต่างประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนต่ำ ทุนสำรองระหว่างประเทศสูง ไม่อ่อนไหวต่อปัจจัยเงินไหลออกในบางช่วง และมีสัดส่วนสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3.5 เท่า เงินดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้คาดว่าจะมากกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สูงต่อเนื่องจากปีก่อนที่ประมาณ 4.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ในระยะต่อไปจะมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะค่าเงินหยวน ซึ่งจีนเป็นประเทศเป้าหมายหลักในการกีดกันทางการค้า และมีการตอบโต้กัน จึงเป็นประเด็นที่จะสร้างความกังวลต่อตลาดเงินตลาดทุน ในระยะข้างหน้าที่ยังคงมีความผันผวนสูง ซึ่งจะต้องมีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะมีกันชนที่ดีแต่ก็ชะล่าใจไม่ได้ มาตรการต่างๆ ที่ ธปท.มีก็ต้องพร้อมใช้ เช่น การลดการออกพันธบัตร ในช่วงที่ผ่านมาก็มีการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง ซึ่งคาดว่าความผันผวนนี้จะมีต่อเนื่องไปอีกระยะ จากทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ กรณีธนาคารกลางยุโรปหยุดซื้อพันธบัตร การกีดกันทางการค้าที่ยังไม่ยุติ รวมทั้งการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในช่วงปลายปี
นายวิรไท กล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 61 จาก 4.1% เพิ่มเป็น 4.4% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี การบริโภคและการลงทุนในประเทศเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ขยายตัว โดยเฉพาะในหมวดการลงทุนในประเทศ แม้ว่าหนี้เสียภาคการเกษตร ยังต้องเฝ้าระวัง ซึ่งได้รับผลมาจากการยกเลิกนโยบายพยุงราคา ภัยแล้ง และราคาสินค้าตกต่ำ แต่ก็ยังไม่กระทบเศรษฐกิจภาพรวม ส่วนหนี้เสียในภาพรวมยังคงทรงตัว ที่ 2.9%