พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รายงานความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจากการดำเนินการพบว่า ล่าสุดมีจำนวนนายทุนที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ 15,591 ราย มีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบกว่า 340,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 20,000 ล้านบาท
สำหรับมาตรการในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ได้มีการสำรวจและตรวจสอบข้อมูล พร้อมกับจำแนกสภาพหนี้ในขั้นต้น จากนั้นได้เชิญทั้งฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้มาเจรจาไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ โดยขอความร่วมมือให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และยังมีการแก้ไขสัญญาใหม่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม มิให้มีการข่มขู่ ส่วนกรณีที่ลูกหนี้ยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็จะประสานความช่วยเหลือจากการขอสินเชื่อในโครงการของรัฐ และสุดท้ายเป็นการใช้มาตรการทางกฎหมายกับเจ้าหนี้ที่ไม่ให้ความร่วมมือ
"มีการแยกข้อมูลเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกที่เจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือแล้ว ก็จะขับเคลื่อนให้มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรม ส่วนอีกกลุ่มยังไม่มีเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือ ก็จะจัดความสำคัญเร่งด่วนเพื่อให้การช่วยเหลือโดยเร็ว" พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนผลการดำเนินการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของเจ้าหน้าที่ที่ได้ลงพื้นที่ไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ พบว่าสามารถมีข้อตกลงกันได้แล้วกว่า 50,000 ราย ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ 2 แสนราย และคู่กรณีไม่ยอมเจรจาอีก 225 ราย ดังนั้นจึงจะใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มข้นกับเจ้าหนี้ที่ไม่ให้ความร่วมมือต่อไป
"ปัญหาที่พบส่วนใหญ่ เกิดการเกษตรกรที่กู้เงินมาลงทุน และผลผลิตไม่เข้าเป้าจึงต้องไปกู้หนี้นอกระบบ และมักจะทำโฉนดที่ดินไปจำนอง และไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ บางส่วนต้องไปกู้มาใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น จากผลของการไม่ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง" พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ฝ่ายความมั่นคงจะยังคงสำรวจข้อมูลและแก้ปัญหาหนี้นอกระบบต่อไป โดยดำเนินการผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและอำเภอ โดยเฉพาะจากกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งขอความร่วมมือจากทุกกระทรวงในการสำรวจ ติดตาม และขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของประชาชนให้มีความคืบหน้าร่วมกัน เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนและให้โอกาสประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างพอเพียงต่อไป