นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 33.18 บาท/ดอลลาร์ จากตอน เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.23 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 33.17-33.25 บาท/ดอลลาร์
"เช้าขึ้นไปแตะ 33.25 แต่ช่วงบ่ายมีปรับ Position เพื่อรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตของสหรัฐฯคืนนี้ ขณะที่ ประเด็นสงครามการค้าก็ยังเป็น Theme หลักในช่วงนี้ ซึ่งวันนี้เห็นเงินไหลออกจากตลาดพันธบัตรของบ้านเราด้วย ตลาดหุ้นไทยก็บวก แรง"นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันจันทร์เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.30 บาท/ดอลลาร์ ส่วนกรอบสัปดาห์หน้าให้ ไว้ระหว่าง 33.00-33.50 บาท/ดอลลาร์ โดยทิศทางยังผันผวนค่อนข้างไปทางอ่อนค่า
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.66 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 110.71 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1709 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1680 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,614.76 จุด เพิ่มขึ้น 13.34 จุด, +0.83% มูลค่าการซื้อขาย 65,550.29 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,740.42 ลบ.(SET+MAI)
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในวันนี้ได้มาประชุมผู้บริหารกระทรวงคลัง โดย
ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นกำลังสำคัญในการดูภาพรวมเศรษฐกิจระดับประเทศ ซึ่งเป้าหมายการเติบโต
ของอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไทยในปีนี้ที่คาดไว้ 4.5% ดีแล้ว แต่อยากเห็นจะเติบโตได้สูงกว่า
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จัดสรรวงเงินจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 2 เพิ่มเติมจำนวน 5,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.15% ต่อปีและรุ่นอายุ 10 ปี
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2561 จนถึงวันที่ 10 กันยายน 2561
- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐ ได้เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วใน
วันนี้ เพื่อตอบโต้การลักลอบใช้ทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีโดยจีน
- จีนได้ใช้มาตรการด้านภาษีกับสินค้าของสหรัฐแล้วในวันนี้ ภายหลังจากที่มาตรการจัดเก็บภาษีสินค้าจีนโดยสหรัฐได้มีผล
บังคับใช้ในวันนี้ เมื่อเวลา 00.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ หรือ 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นในไทย
- จีนจะรายงานสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) และจะยืนเคียงข้างกับนานาประเทศ เพื่อปกป้อง
การค้าเสรีและกลไกแบบพหุภาคี
- นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางจีน กล่าวว่า สงครามการค้ามูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ระหว่างจีนและสหรัฐ
จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในวงจำกัดเท่านั้น
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวงเงินมากกว่า
5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบเท่ากับมูลค่าสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนทั้งหมดในปีที่แล้ว ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความ
วิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสองประเทศ
- ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ออกมาเตือนว่า สงครามภาษีนำเข้าที่เริ่มต้นขึ้นจากฝั่งรัฐบาลสหรัฐ จะส่ง
ผลเสียต่อทั้งเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป
- กระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวลงติดต่อ
กันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนพ.ค. ซึ่งบดบังความหวังที่ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในไตรมาสที่ 2
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปิดปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตร ซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์
ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น