นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยผลสำเร็จของการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (SEOM) ระหว่างวันที่ 7-8 กรกฎาคม 2561 ที่สิงคโปร์ ว่า เป็นการประชุมรอบสุดท้ายของปี 2561 เพื่อเตรียมเสนอผลการทำงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ในปลายเดือนสิงหาคม และการประชุมผู้นำอาเซียนในเดือนพฤศจิกายน 2561 ก่อนที่สิงคโปร์ส่งไม้ต่อให้ไทยรับเป็นประธานอาเซียนในปี 2562
นางอรมน กล่าวว่า การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียนครั้งนี้ ที่ประชุมได้ข้อสรุปในเรื่องที่สำคัญหลายเรื่อง เช่น การจัดทำความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน ที่อาเซียนเห็นพ้องกันในเรื่องการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในอาเซียน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs การประเมินและทบทวนมาตรการที่มิใช่ภาษีของอาเซียน เพื่อไม่ให้มีการนำมาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) มาใช้เป็นเครื่องมือกีดกันการค้า
ขณะเดียวกันก็ต้องการสร้างกลไกความโปร่งใส เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่า การใช้มาตรการที่มิใช่ภาษีของประเทศสมาชิกอาเซียนมีความเหมาะสม และไม่เป็นอุปสรรคต่อการค้าในภูมิภาค การจัดทำระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน (ASEAN-wide Self-Certification) เพื่อให้คณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA Council) ลงนามพิธีสารเพื่อรองรับการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียนในช่วงการประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียนในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและอำนวยความสะดวกให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออกให้สามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง รวมทั้งลดเวลาในการติดต่อภาครัฐ
การเชื่อมโยงระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window) ให้ใช้งานได้จริงระหว่างสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ โดยปัจจุบันมีการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (E-Form D) กันแล้วใน 5 ประเทศ คือ ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และเวียดนาม และอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ บรูไน และกัมพูชา ได้เริ่มทดลองใช้ระบบแล้ว และการจัดทำข้อผูกพันเปิดตลาดบริการชุดที่ 10 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Services: AFAS) เพื่อให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันฯ ชุดที่ 10 ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 50 ในปลายเดือนสิงหาคม 2561 เป็นต้น
"การประชุมครั้งนี้ จึงถือได้ว่ามีความคืบหน้าที่สำคัญ และแสดงให้เห็นความตั้งใจจริงของสมาชิกอาเซียนที่จะดำเนินการตามแผนงาน การกระชับและสร้างความมีส่วนร่วมของอาเซียนในภูมิภาคเพื่อประโยชน์ร่วมกัน" อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2560 การค้าระหว่างอาเซียนมีมูลค่ารวม 2.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เศรษฐกิจอาเซียนเติบโต 5.3% อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย การค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในปี 2560 มีมูลค่า 100,782 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นการส่งออก 59,643 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการนำเข้า 41,139 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการส่งออกขยายตัว 8.9% และการนำเข้าขยายตัว 12.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ โดยในปี 2560 อาเซียนมีมูลค่า GDP ประมาณ 2.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ