นายสุพพัต อ่องแสงคุณ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 16 ก.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะแถลงข่าวประเมินตัวเลขการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังปี 61 โดยคาดว่าจะปรับเป้าหมายการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกปี 61 ใหม่ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายขยายตัว 8% เมื่อเทียบกับปี 60 โดยน่าจะมีโอกาสขยายตัวได้มากกว่า 8% หากพิจารณาจากมูลค่าการส่งออกในช่วง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ปี 61 ที่ขยายตัวแล้ว 11.55%
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกที่สนับสนับสนุนให้มูลค่าการส่งออกขยายตัวได้มากกว่า 8% เช่น เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับ ราคาน้ำมันเริ่มสูงขึ้น ทำให้สินค้าส่งออกที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ ฯลฯ และทำให้ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน โดยตลาดส่งออกสำคัญของไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเป็นกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) สินค้าส่งออกที่สำคัญ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ความงาม
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนนั้น ได้ติดตามรายสินค้าและรายกลุ่มที่ถูกทั้งสหรัฐฯ และจีนใช้มาตรการภาษีตอบโต้กัน ซึ่งกรมฯ จะทำงานอย่างหนักในการรักษาฐานตลาดเดิมให้เอกชนยังคงส่งออกสินค้าไปได้อยู่ และการหาตลาดใหม่ให้กับกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการสงครามการค้า เช่น เครื่องซักผ้า, แผงโซลาร์เซลล์, เหล็ก และอะลูมิเนียม
"สงครามการค้าต้องมอนิเตอร์เป็นรายกลุ่ม กรมฯ จะพยายามรักษาโมเมนตัมของการส่งออกในทุกตลาด ทั้งตลาดเดิมที่เคยส่งออกได้ และการหาตลาดใหม่เข้ามาทดแทน เพื่อรองรับผลกระทบ โดยตลาดใหม่ที่มองไว้ เช่น ตะวันออกกลาง ตลาดแอฟริกา รวมทั้งการจับตาเรื่องค่าเงินบาท แม้ขณะนี้จะอ่อนค่าลงมา 33 บาท/เหรียญสหรัฐฯ แต่ยังมีความผันผวน และราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มทรงตัวสูง อาจกระทบต่อต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการได้เช่นกัน" รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าว