นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ กรรมการและผู้จัดการ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) กล่าวภายหลังลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับบริษัท เอ็ม บี เค การันตี จำกัด (MBK-G) ในกลุ่ม MBK ว่า การลงนามวันนี้ เป็นความร่วมมือครั้งแรกในการจัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชน และนับเป็นก้าวย่างที่สำคัญในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทย และระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยในบ้านเรา ซึ่งเชื่อว่าในอนาคต Developer จะมีบทบาทสำคัญในระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัย เช่นเดียวกับต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฮ่องกง ที่มีบทบาทนอกเหนือจากเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แล้วยังสามารถให้สินเชื่อกับลูกค้าได้โดยตรงเพื่อช่วยให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้มากขึ้น และยังเป็นช่องทางการขยายรูปแบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาวของ บตท. เพื่อช่วยลดความเสี่ยงช่วงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มขาขึ้นให้กับประชาชน ที่ผ่านมา บตท. เคยซื้อพอร์ตลูกหนี้เช่าซื้อจากการเคหะแห่งชาติ ซึ่งถือเป็น Developer ภาครัฐ และต่อมา บตท. ได้ซื้อพอร์ตสินเชื่อบ้านจากสถาบันการเงินเป็นหลักมาโดยตลอด
สถานการณ์ปัจจุบันรูปแบบการให้สินเชื่อบ้านมีความหลากหลาย และเพื่อตอบสนองความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ทำให้รูปแบบการให้สินเชื่อมีการปรับตัวมากขึ้น นอกจากสินเชื่อจำนอง ยังมีการให้เช่าระยะยาว การเช่าซื้อ และเช่าแบบลิสซิ่ง ประกอบกับธุรกิจการปล่อยสินเชื่อบ้านเริ่มมีผู้เล่น (player) มากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงธนาคาร หรือ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ปัจจุบัน Developer สามารถให้สินเชื่อแก่ลูกค้าได้ความร่วมมือนี้จึงเกิดขึ้น โดย บตท.จะซื้อพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อบ้านที่มีคุณภาพดีจากบริษัท MBK-G วงเงิน 300 ล้านบาท วงเงินกู้ต่อรายเริ่มตั้งแต่ 5 แสนบาท ถึง 10 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยซื้อจนสิ้นสุดปี 2561
นางวสุกานต์ กล่าวว่า การซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ดีนั้น บตท.กำหนดเกณฑ์การคัดกรองคุณภาพลูกหนี้ และมีกระบวนการตรวจสอบรวมถึงพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระ ส่วนลูกค้าที่ย้ายมาอยู่กับ บตท.สามารถชำระค่างวดผ่านธนาคาร โลตัส เคาน์เตอร์เซอร์วิส อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง และบริการหักผ่านบัญชี ซึ่งเชื่อว่าสามารถรองรับลูกค้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ บตท.ยังมีบริการ Call Center และ Line@ เพื่อบริการข้อมูล และตอบข้อซักถามแก่ลูกค้า รวมถึงลูกค้าที่มาอยู่กับ บตท.จะสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว แบบ 3, 5 หรือ 10 ปี โดยลูกค้าสามารถนำค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยไปหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีได้
โดยการจัดซื้อพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ บตท.เพื่อจะนำมาหนุนหลังการออกตราสารหนี้เรียกว่า "การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์" หรือ "Securitization" เพื่อระดมเงินในตลาดทุน นำมาเสริมสภาพคล่องในระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการมีที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามพันธกิจหลักของ บตท.
ด้านนายศักดิ์ชัย สุทธิพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ MBK-G กล่าวว่า โครงการความร่วมมือในครั้งนี้เป็นไปตามแผนการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของ เอ็ม บี เค กรุ๊ป และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการระดมทุน ซึ่งคัดเลือกเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพจากโครงการควินน์ คอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป และเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ไม่ได้มีเพียงธนาคารพาณิชย์ที่เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อหลักอีกต่อไป ซึ่ง เอ็ม บี เค การันตี จะก้าวเข้ามาเป็นอีกทางเลือกที่ตอบสนองความต้องการด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่คนรุ่นใหม่ ในอนาคต บริษัทฯ จะเป็นตัวจักรสำคัญในการตอบโจทย์การให้บริการสินเชื่อที่รวดเร็ว เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ซื้อโครงการของบริษัทในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป และอีกไม่นานเราพร้อมที่จะเปิดกว้างสำหรับโครงการภายนอกด้วย
"การเสนอขายพอร์ตสินเชื่อให้กับ บตท. ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพในการคัดกรองสินเชื่อของบริษัทที่ได้มาตรฐานไม่ต่างจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าหลังการขาย จึงทำให้ในปัจจุบันบริษัทได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย"