น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เผยไทยและศรีลังกาเปิดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) และลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันในช่วงการเยือนศรีลังกาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 12-13 ก.ค.61 มุ่งหวังยกระดับความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนกับเอเชียใต้
สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 8 พ.ค.61 เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไทย-ศรีลังกา ครอบคลุมทั้งการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่างๆ ไทยและศรีลังกาเตรียมพร้อมที่จะประกาศเปิดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ศรีลังกา ในช่วงการเดินทางเยือนศรีลังกาอย่างเป็นทางการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 12 ก.ค.ที่ผานมา ผู้นำสองฝ่ายได้ประกาศเปิดการเจรจา FTA ไทย-ศรีลังกา โดยเริ่มการเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ศรีลังกา รอบแรก ในวันที่ 13 ก.ค.61 และตั้งเป้าหมายให้การเจรจาเสร็จสิ้นภายในปี 2563 ซึ่งจากผลการศึกษาของไทยได้ข้อสรุปว่า การเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ศรีลังกา จะเอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับไทย โดยคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศ (GDP) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.02 ทั้งนี้ สินค้าศักยภาพของไทยที่จะได้รับประโยชน์จากการเจรจา FTA อาทิ สินค้ากลุ่มยานยนต์ เครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้า โลหะ น้ำตาล และพลาสติก ซึ่งเชื่อมั่นว่า FTA ไทย-ศรีลังกา จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันแบบก้าวกระโดด บรรลุเป้าหมายการค้ารวมที่ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ (Strategic Economic Partnership) ร่วมกับ รมว.ยุทธศาสตร์การพัฒนาและการค้าระหว่างประเทศของศรีลังกา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ MOU ฉบับนี้เมื่อวันที่ 10 ก.ค.61 ครอบคลุมสาขาความร่วมมือ 10 ด้านที่ไทยและศรีลังกาเห็นประโยชน์ร่วมกัน ได้แก่ การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร การประมง อัญมณีและเครื่องประดับ การท่องเที่ยว วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) การเงิน อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่าความร่วมมือภายใต้ MOU ดังกล่าวจะช่วยยกระดับความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ รวมทั้งยังช่วยกระตุ้นการลงทุนของไทยในศรีลังกาให้เพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากประมาณ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปี 2558
ในปี 2560 ศรีลังกาเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยการค้าระหว่างไทยและศรีลังกามีมูลค่า 512.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 8.7 โดยไทยส่งออกไปศรีลังกา 442.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากศรีลังกา 70.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ศรีลังกาเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของไทย มีความร่วมมือที่ใกล้ชิดทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี อีกทั้งเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยร้อยละ 6 ต่อปี และมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอัญมณีและประมง และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการขนส่งทางทะเล (Maritime Hub) ที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป รวมถึงอยู่ในเส้นทางยุทธศาสตร์ Belt and Road ของจีน นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพในการเป็นฐานการลงทุนของไทยในภูมิภาค เนื่องจากศรีลังกามีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในหลากหลายสาขา อาทิ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ