นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและการเสวนาสร้างการรับรู้เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี และยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558 – 2565 ครั้งที่ 1 ภายใต้ชื่อ "One Transport for All 2018 : On the Move"พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "คมนาคม 4 ปี+อนาคต คนไทย ได้อะไร?" ซึ่งได้มีการนำเสนอผลงานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาและแผนงานในอนาคต
ในอีก 4 ปีข้างหน้า (62-65) ตามแผนงานกระทรวงคมนาคมจะมีการลงทุนอีกประมาณ 1 ล้านล้านบาท ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง ระยะทาง 2,164 กม. วงเงินกว่า 4 แสนล้านบาท, รถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,234 กม. ได้แก่ ช่วงกรุงเทพ-หัวหิน,นครราชสีมา-หนองคาย, กรุงเทพ-พิษณุโลก, พิษณุโลก-เชียงใหม่ ,มอเตอร์เวย์ 4 เส้นทาง ได้แก่ สายนครปฐม-ชะอำ, หาดใหญ่-ชายแดนไทย/มาเลเซีย,
ทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน และทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากท่อ ช่วงบางขุนเทียน-มหาชัย, ขยายทางหลวง 4 ช่องจราจร ระยะทาง 1,429 กม. เปลี่ยนถนนลูกรังเป็นลาดยาง 3,085 กม., พัฒนาศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม, พัฒนาสถานีขนส่งสินค้าชายแดนและภูมิภาค เพิ่มเติม 12 แห่ง กระจายสินค้าสู่อาเซียน, ก่อสร้างจุดพักรถบรรทุก 34 แห่ง
ส่วนทางอากาศพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา พัฒนาสนามบินภูมิภาค 7 แห่ง ได้แก่ สนามบินสกลนคร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราชตรัง ลำปาง แพร่ หัวหิน
ทางน้ำ มีการพัฒนาท่าเรือสงขลา ท่าเรือบก จ.ขอนแก่น เปิดเส้นทางเดินเรือ ภูเก็ต-พังงา-กระบี่ พัฒนาเส้นทางเดินเรือเฟอร์รี่ 5 เส้นทาง ได้แก่ บางสะพาน-แหลมฉบัง, หัวหิน-พัทยา, สงขลา-แหลมฉบัง, สุราษฏร์ธานี-สัตหีบ, ปากน้ำปราณบุรี-สัตหีบ และปรับปรุงท่าเทียบเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา 8 แห่ง
นายอาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย (58-65) วงเงินลงทุนประมาณ 2 ล้านล้านบาท โดยมีเป้าหมายลงทุนรถไฟฟ้าระยะทาง 464 กม. ซึ่งในช่วงปี 58-61 ครม.อนุมัติแล้วและอยู่ระหว่างก่อสร้าง 349.8 กม.ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างเตรียมประมูล คือ สายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-หัวหมากและ บางซื่อ-หัวลำโพง
และอยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) คือ สายสีส้ม ด้านตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนท์, สายสีแดงต่อขยาย ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา,บางขุนนนท์-ศิริราช และรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ (รังสิต) ส่วนเส้นทางที่เร่งรัดเพิ่มเติม คือ สายสีน้ำเงินต่อขยาย ช่วงบางเค- พุทธมณฑล สาย 4 ทั้งนี้ รถไฟฟ้า ทั้ง 10 สายในแผนแม่บท จะแล้วเสร็จในปี 65
สำหรับรถไฟนั้นเดิมมีระยะทาง 4,043 กม. มีเป้าหมายเพิ่มเป็น 8,150 กม. โดยจะมีการเพิ่มเป็นระบบรางทางคู่ 3,514 กม. รถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง ระยะทาง 1,234 กม. โครงข่ายถนนเดิมมีมอเตอร์เวย์ 2 สาย มีทางด่วน 8 สาย ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เพิ่มมอเตอร์เวย์อีก 3 สาย เพิ่มทางด่วน 1 สาย พัฒนาทางหลวง 4 ช่องจราจร มีระยะทาง 1,050 กม. เปลี่ยนถนนลูกรังเป็นลาดยาง 3,365 กม. เป็นต้น
สรุปโครงการสำคัญที่กระทรวงฯ เร่งผลักดันจนได้รับการอนุมัติจากครม. ในรัฐบาลปัจจุบัน จำนวน 21 โครงการ วงเงินรวม 1,099,677 ล้านบาท ได้แก่ ทางบก จำนวน 5 โครงการ วงเงิน 177,003 ล้านบาท ทางราง จำนวน 13 โครงการ วงเงิน 916,779 ล้านบาท และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ (แปลง A) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทางน้ำ จำนวน 2 โครงการ วงเงิน 3,895 ล้านบาท ทางอากาศ จำนวน 1 โครงการ วงเงิน 2,000 ล้านบาท
สำหรับรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา ภายใต้ความร่วมมือไทย-จีน จะประมูลได้ในไตรมาสที่ 3 นี้ ส่วนรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-เชียงใหม่ อยู่ระหว่างเสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติดำเนินการออกแบบรายละเอียดในปี 62 ซึ่งจะหารือกับญี่ปุ่นเพื่อให้เข้ามาร่วมลงทุนด้วย ขณะที่รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน มีเอกชน 31 รายซื้อเอกสาร มีเวลาให้ยื่นข้อเสนอีก 4 เดือน จะคัดเลือกเสร็จในปลายปี 61 ส่วนเส้นทางกรุงเทพ-หัวหิน อยู่ระหว่างทำรายละเอียดเพิ่มเติมเสนอคณะกรรมการ PPP การพัฒนาสนามบินสุวรรรณภูมิเฟส 2 และดอนเมือง อยู่ระหว่างดำเนินการตามแผน
นอกจากนี้ ยังได้เปิดให้บริการระบบตั๋วร่วม หรือบัตรแมงมุมในการเดินรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง รวมถึงผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงเร่งผลักดันโครงการรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง ซึ่งจะทยอยเสนอครม.ภายในปีนี้และเริ่มก่อสร้างในปี 62
"ตลอด 4 ปี บทบาทการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของภาครัฐมีส่วนในการเพิ่ม GDP อย่างมาก ซึ่งในไตรมาส 1/61 GDP ขยายตัวกว่า 4.8% ซึ่งการเติบโตดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการก่อสร้างโครงการภาครัฐโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ประมาณ 30% ที่เหลือจะเป็นการส่งออกและการบริโภคในประเทศ"รมว.คมนาคม กล่าว