นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2561 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนว่า ธนาคารสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ปล่อยสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ 105,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53.67% คิดเป็น 85,263 บัญชี โดยเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง จำนวน 51,482 ราย สะท้อนบทบาท ธอส. ในการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศให้ขยายตัวอย่างแข็งแรงต่อเนื่อง สนองนโยบายรัฐบาลและแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ทั้งนี้ สิ้นไตรมาสที่ 2/2561 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,070,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.62% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2560 มีสินทรัพย์รวม 1,137,871 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.10% เงินฝากรวม 920,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.25% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 47,208 ล้านบาท คิดเป็น 4.41% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 0.20% จาก ณ สิ้นปี 2560 ซึ่ง NPL อยู่ที่ 4.21% ของสินเชื่อรวม และมีกำไรสุทธิ 6,439 ล้านบาท
ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 14.53% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
"ภายใต้นโยบายที่ต้องการให้คนมีบ้าน ทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เกิน 1 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 6 เดือน"นายฉัตรชัย กล่าว
นายฉัตรชัย กล่าวว่า การที่ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อได้เกิน 1 แสนล้านบาท เป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ขยายตัวดีขึ้น รวมถึงการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกระดับรายได้ โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อกลุ่ม Social Solution หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย อาทิ โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับกลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีรายได้ ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน บุคลากรภาครัฐ และประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มียอดปล่อยสินเชื่อรวมจำนวน 22,150 ล้านบาท โครงการบ้าน ธอส.เพื่อสานรัก ปี 2561 ให้กู้ต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ปล่อยได้จำนวน 8,270 ล้านบาท
ส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Business Solution หรือสำหรับกลุ่มผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป เช่น สินเชื่อบ้านมั่งมีศรีสุข สินเชื่อ For Home และสินเชื่อบ้าน Home for All มียอดปล่อยสินเชื่อรวมกันกว่า 36,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย 189,000 ล้านบาทได้
นายฉัตรชัย กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานในครึ่งปีหลังว่า ธนาคารพร้อมร่วมมือพันธมิตรสนับสนุนสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงเป็นกลไกของภาครัฐ ช่วยให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศขยายตัวอย่างแข็งแรงต่อเนื่องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ถือเป็นภารกิจหลักที่ ธอส. ต้องดำเนินการสนับสนุนให้คนไทยมีบ้านโดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย/ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มที่เริ่มครอบครัว และกลุ่มผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ธนาคารได้จัดทำเครื่องรับเงินฝากประชารัฐ : Mobile Deposit Machine เป็นเครื่องรับฝากเงินให้บริการนอกสถานที่แก่ลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อยตามชุมชนต่างๆ เพื่อความรวดเร็ว ปลอดภัย สร้างวินัยการเงิน และเสริมความเข้มแข็งเพื่อการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อเพื่อการมีบ้านในอนาคต โดยจะเริ่มให้บริการจำนวน 200 เครื่อง ภายในเดือนกรกฎาคม
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายที่ ธอส.ให้ความสำคัญกับการยกระดับการให้บริการตามแผน Transformation to Digital Service เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นตัวขับเคลื่อน นำ Digital Technology มาปรับใช้ทุกส่วนของธุรกิจ ยกระดับการทำงานภายในองค์กร สร้างนวัตกรรมการเงิน และช่องทางการให้บริการดิจิทัล ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าในยุค 4.0 เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมการเงินแบบดิจิทัลที่เข้าถึงง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ในทุกที่ทุกเวลา
ซึ่งได้จัดทำโครงการ Payment Gateway พัฒนาช่องทางการชำระเงินกู้ เพื่อแก้ปัญหาลูกค้าไม่สะดวกในการชำระหนี้เงินกู้ หรือรอคิวนานในช่วงสิ้นเดือน ประกอบด้วย 1.เครื่องรับชำระหนี้เงินกู้อิเล็กทรอนิกส์ : LRM อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่จะชำระเงินกู้ด้วยเงินสด (Cash Payment) ไม่ต้องรอคิวนานเพื่อชำระหนี้เงินกู้ ตอบโจทย์ "ชำระกี่บัญชีก็นาทีเดียว" เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2560 และภายในเดือนกรกฎาคม 2561 นี้ ธอส.จะมีเครื่องรับชำระหนี้เงินกู้อิเล็กทรอนิกส์ รวม 170 เครื่อง ลดปัญหาการกระจุกตัวการชำระหนี้เงินกู้ของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือน เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และลดปริมาณธุรกรรมหน้าเคาน์เตอร์
2.เครื่องชำระเงินกู้ไร้เงินสด : QR Non Cash Payment ตอบรับสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ลูกค้าสามารถชำระหนี้เงินกู้ ธอส. โดยใช้ Mobile Application ของธนาคารต่างๆ เพียงระบุเลขที่บัญชีเงินกู้ และเลือกบัญชีและจำนวนเงินที่ต้องการชำระผ่านเครื่องชำระหนี้เงินกู้ไร้เงินสดของ ธอส. หลังจากนั้นเครื่องจะสร้าง QR Code เฉพาะการชำระหนี้เงินกู้ครั้งนั้นๆ โดยลักษณะการทำงานจะคล้ายเครื่องรับชำระหนี้เงินกู้อิเล็กทรอนิกส์ : LRM คือแทนที่ลูกค้าจะชำระด้วยเงินสด แต่จะเป็นการชำระด้วยการโอนเงินผ่าน Mobile Application ด้วย Dynamic QR Code ซึ่งธนาคารติดตั้งเครื่องชำระหนี้เงินกู้ไร้เงินสด QR Non Cash Payment จำนวน 20 เครื่อง เพื่อให้บริการลูกค้า โดยติดตั้งที่สาขา กทม.และปริมณฑล ก่อนภายในเดือนกรกฎาคมนี้
3.Mobile Application : GHB ALL เป็นแอปพลิเคชันของ ธอส.ที่รวมทุกบริการของ ธอส.ไว้ในมือคุณ ออกแบบมาเพื่อง่ายต่อการใช้งานทุกฟังก์ชั่น สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจรแบบ Anywhere Anytime เริ่มตั้งแต่จองคิว ติดต่อเจ้าหน้าที่ แจ้งความจำนงขอสินเชื่อ สอบถามสถานะพิจารณาสินเชื่อ แจ้งผลอนุมัติ นัดทำนิติกรรม ชำระหนี้เงินกู้ โอนเงิน ใบเสร็จรับชำระหนี้ และแจ้งเตือนชำระหนี้ เป็นต้น โดยธนาคารจะเริ่มเปิดให้บริการภายในไตรมาส 3/2561 และจะพัฒนา GHB Mobile Application จนเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้
ทั้งนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 2561 จำนวนธุรกรรมชำระหนี้เงินกู้ผ่าน Payment Gateway ทั้ง 3 ช่องทาง จะไม่ต่ำกว่า 40% ของจำนวนธุรกรรมที่มาชำระเงินกู้ที่เคาน์เตอร์ของธนาคารทั้งหมด