นางสุวัฒนา กมลวัทนนิศา รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย (สายงานยุทธศาสตร์และพัฒนา) หรือ กนอ. เปิดเผยว่า กนอ. ได้เตรียมจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในลักษณะร่วมดำเนินงานกับบริษัท บ่อทองอินดัสทรี เทคโนโลยี จำกัด ภายใต้ชื่อ นิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 ในอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบประมาณการลงทุนราว 1,710 ล้านบาท
นิคมฯดังกล่าวจะถูกพัฒนาให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมเพื่อรองรับอุตสาหกรรม S-Curve ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ และอุตสาหกรรมเบา เช่น เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น และมีการออกแบบนิคมอุตสาหกรรมภายใต้แนวคิด นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Estate) ที่มีการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล อาทิ การจัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการฯ การออกแบบระบบ Reclaimed Water System เพื่อนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาปรับปรุงคุณภาพน้ำและนำกลับไปใช้ในกระบวนการผลิตน้ำประปาในการผลิตอีกครั้ง
ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการนำเสนอข้อมูลโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ยังมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมรับคนงานในพื้นที่เข้าทำงาน เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นมีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจชุมชน และเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น
สำหรับทำเลที่ตั้งและลักษณะพื้นที่โครงการนิคมฯบ่อทอง 33 ครอบคลุมพื้นที่จำนวน 1,746 ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่ที่ก่อให้เกิดรายได้ 1,214 ไร่ พื้นที่ระบบสาธารณูปโภค 341 ไร่ พื้นที่สีเขียวและแนวกันชน 191 ไร่ โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 ประมาณ 649 ไร่ ระยะที่ 2 ประมาณ 534 ไร่ และ ระยะที่ 3 ประมาณ 565 ไร่ สามารถเชื่อมโยงพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว และพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมและกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) พร้อมเป็นฐานการผลิตและการดึงดูดการลงทุน
นอกจากนี้ นิคมฯ ดังกล่าว ยังอยู่ใกล้ศูนย์กลางคมนาคมหลักของประเทศ พร้อมทั้งยังมีโครงสร้าง พื้นฐานต่างๆ ที่เอื้อต่อการประกอบอุตสาหกรรม ได้แก่ ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา (ด่านปอยเปต) ประมาณ 87 กิโลเมตรมีระบบถนนที่สามารถเชื่อมโยงไปยังนิคมฯอื่นๆ ได้อย่างสะดวก เช่น นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เขตอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี และสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ นอกจากนี้ พื้นที่โครงการเป็นพื้นที่ราบ ไม่มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมถึง และพื้นที่มีความลาดเอียงสามารถระบายน้ำได้ดี
นางสุวัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อจังหวัดปราจีนบุรี ในการควบคุมดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดตามกฎหมายผังเมือง เพื่อไม่ให้เกิดการกระจายตัวของภาคอุตสาหกรรมและจะมีการกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานให้มีการเติบโตในพื้นที่ที่ได้จัดเตรียมไว้ และสามารถดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการเพิ่มพื้นที่อุตสาหกรรมเพื่อรองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ คาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 49,456 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 11,240 คน และคาดว่าสำหรับในการพัฒนาพื้นที่ในเฟสแรกจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปี และพร้อมรองรับการลงทุนต่อไป