สนพ.จับตาราคาน้ำมันดิบตลาดโลกใกล้ชิด ชี้ปัจจัยสงครามการค้า-บาทอ่อนยังหนุนให้ราคาน้ำมันเพิ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 20, 2018 15:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาขายปลีกน้ำมันของไทยในขณะนี้ที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า สาเหตุหลักมาจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมไปถึงเงินบาทที่อ่อนค่าลงจากระดับเฉลี่ย 31.5 บาทต่อดอลลาร์ เป็นเฉลี่ย 33.5 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์สารสนเทศพลังงาน สนพ. ระบุว่า ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า จากปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มทรงตัว ขณะที่ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทดแทนกำลังการผลิตของเวเนซุเอลาและอิหร่าน แต่ยังมีปัจจัยที่อาจทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจากความกังวลต่อสงครามการค้าโลกที่มาจากนโยบายการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป แคนาดา และเม็กซิโก ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงการเก็งกำไรระยะสั้นจากความไม่แน่นอนในการส่งออกน้ำมันของลิเบีย ซึ่งมาจากปัญหาความไม่สงบในประเทศ และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในสหรัฐที่ปรับลดลง

ส่วนราคาน้ำมันเบนซินในภูมิภาค ปรับตัวลดลงมาจากอุปทานที่อยู่ในระดับสูง เนื่องจากจีนมีการส่งออกมากขึ้น แต่ยังมีแนวโน้มความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลจากอินโดนีเซีย อินเดีย และเวียดนาม ที่จะส่งผลให้ราคาปรับขึ้นบ้าง ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงเพราะโรงกลั่นในภูมิภาคสามารถกลับมาดำเนินการตามปกติ หลังจากหยุดปิดซ่อมบำรุงและความต้องการน้ำมันดีเซลในเรือประมงลดลงเพราะเป็นช่วงมรสุม

ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในกลุ่มอาเซียนส่วนใหญ่คงที่ ทั้งไทย บรูไน มาเลเซีย เมียนมา และสิงคโปร์ เมื่อเทียบกับค่าเงินแต่ละสกุล พบว่าราคาขายปลีกน้ำมันของไทยคงที่ติดต่อกัน 4 สัปดาห์อยู่ที่ 29.25 บาทต่อลิตร มีเพียงอินโดนีเซียที่ปรับเพิ่ม 300 รูเปียต่อลิตรหรือ 1.05 บาทต่อลิตร เช่นเดียวกับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลส่วนใหญ่คงที่ โดยไทยราคายังคงเดิมต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ที่ 28.79 บาทต่อลิตร โดยอินโดนีเซียมีราคาเพิ่มขึ้น 300 รูเปียต่อลิตรหรือคิดเป็น 1.05 บาทต่อลิตรเช่นกัน

นายทวารัฐ กล่าวอีกว่า ภาพรวมปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในช่วงนี้ ได้แก่ การที่ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกปรับเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อทดแทนการผลิตน้ำมันดิบที่หายไปของเวเนซุเอลาและอิหร่าน รวมถึงแนวโน้มการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีต้นทุนสูงกว่ากำลังการผลิตเองโดยเฉลี่ยของสหรัฐฯ และสหรัฐฯอาจจะส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเบรนท์ของอังกฤษที่สูงกว่าเวสต์เท็กซัสของสหรัฐฯถึง 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาขายปลีกน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลของแต่ละประเทศย่อมแตกต่างกันขึ้นอยู่กับโครงสร้างและนโยบายการชดเชยราคาน้ำมันของประเทศนั้นๆ ในส่วนของประเทศไทย ราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น จะอ้างอิงจากราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเชีย ซึ่งก็คือตลาดสิงคโปร์ (Mean of Platts : MOP Singapore) โดย สนพ. จะติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ