บมจ.อัครา รีซอร์สเซส ออกแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทไม่เห็นด้วยกับมติผลการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้ง ผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมแลสุขภาพ 1 จากการทำเหมืองแร่ทองคำ กรณีที่มีความเห็นว่าบ่อเก็บกักกากแร่ที่ 1 (TSF 1) มีการรั่วซึม เนื่องจากบริษัทเห็นว่าการลงมติดังกล่าวนั้นไม่มีความเหมาะสมตามหลักวิชาการ ไม่เป็นธรรม และผลการลงคะแนนไม่เป็นเอกฉันท์
แต่บริษัทยังคงเชื่อมั่นว่ากระบวนการหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบฯ ที่ตั้งขึ้นโดยภาครัฐนั้นจะดำเนินการด้วยความยุติธรรมและโปร่งใสเพื่อเป็นบรรทัดฐาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับการค้าการลงทุนระหว่างประเทศต่อไป เนื่องจากมีข้อคิดเห็นของคณะทำงานย่อยผู้เชี่ยวชาญฯ บางท่านที่มีความเห็นแตกต่างจากรายงานฉบับสมบูรณ์
นอกจากนี้ การลงมติดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในวาระการประชุม จึงไม่เป็นธรรม ขาดหลักวิชาการรองรับ เนื่องจากลักษณะการลงมติเป็นเพียงการถามคณะกรรมการที่มาเข้าร่วมประชุมซึ่งเป็นส่วนน้อยจากคณะกรรมการทั้งหมด 52 คน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในคณะทำงานย่อย และไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ หรือมีความรู้ทางเทคนิคในเรื่องที่ถูกขอให้ลงมติ
อีกทั้งการลงมติดังกล่าวเป็นเพียงทำการถามความเห็น และให้ผู้เข้าร่วมประชุมฯ ยกมือแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับรายงานการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ 1 ซึ่งมีผู้ยกมือว่าไม่เห็นด้วยว่าบ่อฯ รั่วซึม 6 คน ประกอบด้วย ประชาชนในพื้นที่ ผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนบริษัทฯ ขณะกรรมการ 7 คน ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ยกมือแสดงความเห็นเชื่อว่าบ่อฯ มีการรั่วซึม อย่างไรก็ตาม ยังมีคณะกรรมการส่วนใหญ่จากทั้งหมด 52 คนที่เข้าร่วมประชุมแต่ไม่ออกเสียงลงมติในครั้งนี้
"การลงมติในครั้งนี้ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ตามหลักวิชาการ กล่าวคือมีการใช้รายงานของ นายธนพล เพ็ญรัตน์ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ใช้ค่าการต้านทานไฟฟ้าตรวจสอบ และไม่ได้สรุปว่าบ่อเก็บกากแร่รั่วหรือไม่ แต่กลับมีการนำเสนอในการประชุมฯ ดังกล่าวว่าบ่อรั่ว และผลักดันให้มีการลงมติว่าบ่อกักเก็บกากแร่รั่ว"
อีกทั้ง การใช้ธรณีฟิสิกข์ไม่ใช่เครื่องมือที่ถูกต้อง เนื่องจากธรณีฟิสิกข์ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบการรั่วไหลของสาร ประกอบกับในพื้นที่มีตัวแปรทางธรรมชาติค่อนข้างมาก เช่น ชั้นดินลูกรัง ชั้นดินเหนียว การแปรสภาพของหินในบริเวณแหล่งแร่ หรือแม้กระทั่งความชื้น เป็นต้น ซึ่งธรณีฟิสิกข์ไม่สามารถแยกแยะได้อย่างละเอียดชัดเจน จึงทำให้เกิดข้อโต้แย้งมากมายหลายสิบครั้ง จากทั้งบริษัทฯ เอง และนักวิชาการจากสถาบันต่างๆ มากมาย อาทิ กรมทรัพยากรธรณี ซึ่งได้บันทึกไว้ในบันทึกการประชุมตลอดมา ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าว เพราะวิธีการและเทคนิคที่ใช้ไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ในรายงานของคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมฯ ที่เคยรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำของ อัครา รีซอร์สเซส ก่อนหน้านี้ ระบุว่าค่าโลหะหนักที่เกินมาตรฐานพบว่ามีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ดังนั้น จึงไม่สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุการปนเปื้อนโลหะหนักมาจากเหมืองทองคำ
นอกจากนี้ ยังเคยมีรายงานการตรวจสอบมาตรฐานการดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรีโดยบริษัท แบร์ โดแบร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (Bhere Dolbear International Limited) ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้คัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบและประเมินผลอย่างละเอียด เหมืองแร่ทองคำดังกล่าวมีการดำเนินงานที่ได้มาตรฐานสากลในทุกๆ ด้าน มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในทุกขั้นตอนทำให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม เทียบเท่าเหมืองแร่ชั้นนำทั่วโลก นอกจากนี้ ยังไม่พบการรั่วไหลของโลหะหนักจากบ่อกักเก็บกากแร่สู่ชุมชนแต่อย่างใด
ปัจจุบัน บริษัท คิงส์เกท คอนโซลิเดเต็ด จำกัด และรัฐบาลไทย กำลังเข้าสู่การอนุญาโตตุลาการ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-ออสเตรเลีย แต่บริษัทยังคงเชื่อมั่นว่ากระบวนการหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้ง ผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำของ อัครา รีซอร์สเซส ที่ตั้งขึ้นโดยภาครัฐนั้น จะดำเนินการด้วยความยุติธรรม และโปร่งใสเพื่อเป็นบรรทัดฐาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับการค้าการลงทุนระหว่างประเทศต่อไป