น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้พิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการต่างๆ รวมทั้งสิ้น 4 โครงการมูลค่ารวมกว่า 29,631 ล้านบาท ช่วยผลักดันการใช้วัตถุดิบในประเทศรวมมูลค่ากว่า 19,480.8 ล้านบาทต่อปี โดยบริษัทผลิตอาหารสัตว์ระดับโลก ลงทุนเพิ่มโดยเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ขณะที่ 2 ค่ายรถยนต์รายใหญ่จากญี่ปุ่นลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมและแบตเตอรี่
สำหรับโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,600 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรีซึ่งโรงงานดังกล่าวเป็นหนึ่งในฐานการผลิตของบริษัทที่มีโรงงานกระจายอยู่ทั่วโลกมากกว่า 80 แห่ง โดยการลงทุนครั้งนี้บริษัทได้มีการลงทุนที่มุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผู้ผลิตวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนภายในประเทศไทย รวมถึงมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์มีการใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่า 794 ล้านบาท
2.บริษัท นิสสันมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicles-HEV) และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เงินลงทุนทั้งสิ้น 10,960 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยบริษัทมีแผนที่จะใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่ากว่า 15,920 ล้านบาทต่อปี เป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมรุ่น e-Powerซึ่งเดิมมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวที่ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นเทคโนโลยีหลักในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียานยนต์จากระบบเครื่องยนต์ในปัจจุบันไปสู่ระบบไฟฟ้า
3.บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicles-HEV) และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,821 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา และ จ.ปราจีนบุรี โดยบริษัทมีแผนใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เช่น ล้อรถยนต์ ชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์ กันชนหน้า/หลัง ชุดสายไฟ เป็นต้นคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,766.8 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนในการผลิตชิ้นส่วนอื่นภายในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนการนำเข้าในอนาคตอีกด้วย
4.บริษัท ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด ขยายกิจการขนส่งทางอากาศ เงินลงทุนทั้งสิ้น 9,250 ล้านบาท โดยจะเช่าเครื่องบินแบบ Airbus A330 รวมจำนวน 6 ลำ ความจุผู้โดยสารลำละ 377 ที่นั่ง เพื่อให้บริการครอบคลุมทั้งการขนส่งผู้โดยสาร ทั้งแบบประจำเส้นทางและแบบเช่าเหมาลำ ทั้งนี้บริษัทจะขยายเส้นทางใหม่ในตลาดทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และออสเตรเลีย นับว่ามีส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบิน และส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย
สำหรับการส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้น น.ส.ดวงใจ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ บีโอไอได้พิจารณาให้การส่งเสริมไปแล้วหลายราย ได้แก่ โครงการผลิตรถยนต์ไฮบริดของโตโยต้า โครงการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเมอร์เซเดสเบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 20,000 ล้านบาท รวมทั้งกิจการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและ High Density Battery จำนวน 6 ราย เงินลงทุนรวม 5,400ล้านบาทนอกจากนี้ยังมีโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมในกิจการผลิตรถยนต์ไฮบริดที่รอการพิจารณาอีก 2 ราย