นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ปี 2561 พบว่ายังคงขยายตัว นำโดยภาคตะวันออก และกทม.และปริมณฑล โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน และการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนในหลายภูมิภาค รวมถึงการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจทุกภูมิภาคยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีรายละเอียดดังนี้
ภาคตะวันออก เศรษฐกิจขยายตัว โดยมีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการท่องเที่ยวช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนมิถุนายน 2561 ขยายตัว 29.8% ต่อปี ตามการเพิ่มขึ้นในจังหวัดระยองและชลบุรี ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 22.2% ต่อปี สอดคล้องกับการบริโภคสินค้าในหมวดสินค้าคงทนของผู้มีรายได้ปานกลางและสูง สะท้อนจากยอดรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 22.9% ต่อปี ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 23.3% ต่อปี จากการขยายตัวในทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรี และปราจีนบุรี เป็นต้น อย่างไรก็ดี ยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ยังคงหดตัว ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร ขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดรถปิคอัพและรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 4.5% และ 9.2% ต่อปีตามลำดับ รวมถึงเม็ดเงินลงทุนที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 อยู่ที่ 14,318 ล้านบาท จากการลงทุนในจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เป็นต้น
สำหรับด้านอุปทาน ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี ทั้งจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือน ในช่วง 2 เดือนแรกในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัวต่อเนื่องที่ 6.4% และ 15.9% ต่อปี ตามลำดับ สอดคล้องกับผลผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมภาคตะวันออกที่ปรับเพิ่มขึ้นอยู่เหนือระดับ 100 เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันมาอยู่ที่ 107.6 ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ อุตสาหกรรมเหล็ก และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ที่ 1.5% ต่อปี และอัตราการว่างงาน ในเดือนพฤษภาคม 2561 อยู่ที่ 0.9% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
กทม.และปริมณฑล เศรษฐกิจขยายตัว โดยมีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนมิถุนายน 2561 ขยายตัว 4.6% ต่อปี ตามการขยายตัวในทุกจังหวัด ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 5.4% ต่อปี สอดคล้องกับการบริโภคสินค้าในหมวดสินค้าคงทนของผู้มีรายได้ปานกลางและสูง สะท้อนจากยอดรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ขยายตัวที่ 25.4% ต่อปี ตามการขยายตัวในกรุงเทพมหานคร นครปฐม และนนทบุรี เป็นต้น ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 19.2% ต่อปี เช่นเดียวกันกับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากยอดรถปิคอัพและรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ขยายตัว 8.3% และ 12.5% ต่อปี ตามลำดับ สอดคล้องกับเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 อยู่ที่ 10,519.7 ล้านบาท จากการลงทุนในจังหวัดสมุทรปราการ เป็นสำคัญ
สำหรับด้านอุปทาน ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวในเกณฑ์ดี ทั้งจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากผู้เยี่ยมเยือน ในช่วง 2 เดือนแรกไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 4.8% และ 14.9% ต่อปีตามลำดับ ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ที่ 1.4% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนพฤษภาคม 2561 อยู่ที่ 1.0% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคตะวันตก เศรษฐกิจฟื้นตัว โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ใน เดือนมิถุนายน 2561 ขยายตัว 4.8% ต่อปี ตามการเพิ่มขึ้นในจังหวัดสุพรรณบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี เป็นต้น สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากยอดรถยนต์นั่ง ขยายตัว 3.8% ต่อปี ตามลำดับ ตามการขยายตัวในเกือบทุกจังหวัด ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว19.8% ต่อปี ขณะที่การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 11.3% ต่อปี รวมถึงเงินทุนของโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการ อยู่ที่ 1,815 ล้านบาท จากการลงทุนในจังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี เป็นต้น
สำหรับด้านอุปทาน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดีทั้งจำนวนและรายได้จากผู้เยี่ยมเยือน ในช่วง 2 เดือนแรกไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 5.3% และ 11.7% ต่อปี ตามลำดับ สำหรับด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ที่ 1.2% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนพฤษภาคม 2561 อยู่ที่ 0.7% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคกลาง เศรษฐกิจส่งสัญญาณขยายตัว โดยมีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนมิถุนายน 2561 ขยายตัว 22.8% ต่อปี จากการขยายตัวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี และสระบุรี เป็นต้น ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 12.3% ต่อปี เช่นเดียวกันกับการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนของผู้มีรายได้ปานกลางและสูง สะท้อนจากยอดรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ในไตรามาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 29.7% ต่อปี สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากยอดรถปิคอัพและยอดรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัว 6.1% และ 7.7% ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับด้านอุปทาน ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือน ในช่วง 2 เดือนแรกไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 5.2% และ 9.4% ต่อปี ตามลำดับ สอดคล้องกับผลผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมภาคกลางที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 94.6 ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ที่ 1.0% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนพฤษภาคม 2561 อยู่ที่ 1.4% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคใต้ เศรษฐกิจขยายตัว โดยมีการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 5.4% ต่อปี ตามการเพิ่มขึ้นในเกือบทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และสตูล เป็นต้น สอดคล้องกับการบริโภคสินค้าในหมวดสินค้าคงทนของผู้มีรายได้ปานกลางและสูง สะท้อนจากยอดรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 8.8% ต่อปี เช่นเดียวกันกับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากยอดรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 26.9% ต่อปี และเงินทุนของโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 อยู่ที่ 11,162 ล้านบาท ขยายตัว 177.6% ต่อปี จากการลงทุนในจังหวัดสงขลา ยะลา และสุราษฎร์ธานี เป็นต้น
สำหรับด้านอุปทาน ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี ทั้งจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากผู้เยี่ยมเยือน ในช่วง 2 เดือนแรกไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 6.4% และ 13.7% ต่อปี ตามลำดับ จากการขยายตัวในทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดฝั่งอันดามัน เป็นต้น ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ในระดับเอื้อต่อการบริโภคที่ 1.4% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนพฤษภาคม 2561 อยู่ที่ 1.6% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคเหนือ เศรษฐกิจฟื้นตัว โดยมีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนมิถุนายน 2561 ขยายตัวที่ 7.5% ต่อปี ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 4.6% ต่อปี สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนของผู้มีรายได้ปานกลางและสูง สะท้อนจากยอดรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ขยายตัว 12.3% ต่อปี ตามการขยายตัวในเกือบทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน พะเยา และ เชียงราย เป็นต้น เช่นเดียวกันกับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากยอดรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 4.2% ต่อปี สอดคล้องกับเงินทุนของโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 อยู่ที่ 4,329 ล้านบาท จากการลงทุนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นสำคัญ
สำหรับด้านอุปทาน ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวในเกณฑ์ดี ทั้งจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากผู้เยี่ยมเยือน ในช่วง 2 เดือนแรกไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ 3.7% และ 6.5% ต่อปี ตามลำดับ ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ที่ 0.9% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนเมษายน 2561 อยู่ที่ 1.0% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เศรษฐกิจส่งสัญญาณขยายตัว โดยมีการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงภาคเกษตรและภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนมิถุนายน 2561 ขยายตัวที่ 3.4% ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 3.2% ต่อปี สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนของผู้มีรายได้ปานกลางและสูง จากยอดรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัว 20.4% ต่อปี จากการขยายตัวในทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่น อุดรธานี และกาฬสินธุ์ เป็นต้น ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังคงทรงตัว
สำหรับด้านอุปทาน ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี ทั้งจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือน ในช่วง 2 เดือนแรกไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.1% และ 9.6% ต่อปี ตามลำดับ สอดคล้องกับผลผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเดือนมิถุนายน 2561 ที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 87.5 ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมเซรามิก เป็นต้น ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายน 2561 ยังคงอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการบริโภคภายในภูมิภาคที่ 1.5% ต่อปี และอัตราการว่างงาน ในเดือนพฤษภาคม 2561 อยู่ที่ 1.0% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค