(เพิ่มเติม) ครม.ไฟเขียวรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ กำหนดเริ่มก่อสร้างปี 62 เร่งเปิดประมูลปลายปีนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 31, 2018 17:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ รวมระยะทาง 323 กม. โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 62

ทั้งนี้ โครงการรถไฟทางคู่สายดังกล่าว ประกอบด้วย สถานี 26 สถานี และอุโมงค์รถไฟ 4 แห่ง เริ่มต้นจาก จ.แพร่, ลำปาง, พะเยา, เชียงราย จนถึงเชียงของ แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 3 สัญญา คือ สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย และสัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ครม.วันนี้ มีมติอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงินรวม 85,345 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ พร้อมอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนของโครงการเพื่อสร้างทางรถไฟ สะพานข้ามทางรถไฟในเส้นทาง 4 จังหวัด คือ แพร่ ลำปาง พะเยาและเชียงราย ซึ่งได้เร่งรัดการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เวนคืนและก่อสร้างไปพร้อมกัน เพื่อให้เปิดบริการเร็วขึ้น 2 ปี จากแผนที่จะเปิดเดินรถปี 68 เป็นปี 66 โดยคาดว่าจะเร่งเปิดประมูลภายในปลายปีนี้

โครงการนี้ ริเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2503 โดยมีการศึกษาความเหมาะสม จากนั้นออกแบบแล้วเสร็จใน พ.ศ.2555 ผ่านการอนุมัติด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว (EIA) ซึ่งเป็นโครงการที่ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเพิ่มขึ้นจากเส้นทางเดิมอีก 2 จังหวัด ได้แก่ พะเยาและเชียงราย เป็นการก่อสร้างเส้นทางสายใหม่ สามารถเชื่อมต่อไปยังศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย และเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

รถไฟทางคู่ เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีระยะทาง 323 กม.วงเงินรวม 85,345 ล้านบาท เบื้องต้น แบ่งการก่อสร้าง เป็น 3 สัญญา ได้แก่สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 104 กม.วงเงิน 26,704 ล้านบาท สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ระยะทาง 135 กม. วงเงิน 28,735 ล้านบาท สัญญาที่ 3 ช่วง เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 84 กม. วงเงิน 17,482 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ 10,660 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษา 1,764 ล้านบาท โดยรัฐรับภาระค่าดำเนินการทั้งโครงการ โดยสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบรายปีหรือกระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ค้ำประกันตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการ 1. จัดทำแนวทางการพัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งในภาพรวมของประเทศซึ่งจะเสนอครม.ใน 1 เดือน 2. ประสานพื้นที่และท้องถิ่นเพื่อจัดทำพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว 3. ทำแผนบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ในระหว่างการก่อสร้าง 4.เปิดโอกาสให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการเดินรถ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับการออกแบบให้เหมาะสมและให้เข้าถึงได้ทุกกลุ่ม พร้อมกับเร่งจัดหาหัวรถจักร และศึกษาแนวทางการประกอบรถภายในประเทศ ซึ่งนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งอาจจะส่งเสริมเอกชนเข้ามาต่อตัวรถ เช่น เริ่มจากการประกอบแคร่ขนส่งสินค้า

นายอาคม กล่าวว่า โครงการรถไฟทางคู่ทั่วประเทศไทยมีระยะทางทั้งสิ้น 4,044 กม. ขณะนี้กำลังก่อสร้างเฟส 1 ระยะทาง 993 กม. และเฟส 2 รวมกับเส้นทางใหม่ 9 เส้นทางอีก 2,164 กม. เมื่อก่อสร้างเสร็จจะเพิ่มโครงข่ายเป็น 80% ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของประเทศ และทำให้โครงข่ายระบบรถไฟหรือความหนาแน่นของรถไฟเพิ่มจาก 0.0081 กม./ตร.กม. เป็น 0.0172 กม./ตร.กม. ทั้งนี้ ยังไม่รวมแผนในอนาคตที่จะมีการเพิ่มเส้นทางรถไฟสายย่อยเชื่อมระหว่างเมือง และเส้นทางเข้าสู่พื้นที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวที่ รฟท.อยู่ระหว่างศึกษาจัดทำแผน เช่น เส้นทาง ระนอง-ชุมพร, อุบลราชธานี-ช่องเม็ก เป็นต้น

สำหรับรถไฟ ทางคู่เฟส 2 จำนวน 7 เส้นทางและสายใหม่อีก 1 เส้นทางนั้น ขณะที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ รฟท.และเสนอมากระทรวงคมนาคมแล้ว ซึ่งจะเสนอไปที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ต่อไป หากได้รับอนุมัติจะสามารถเสนอ ครม.ได้ครบภายในปีนี้

ด้านนายสุชีพ สุขสว่าง วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง รฟท.กล่าวว่า ตามแผนงานเดิมจะใช้เวลาในเวนคืนที่ดิน 1-2 ปี (ปี 63-64 ) หลังจากประกาศพ.ร.ฎ.เวนคืน และจะเปิดประมูลหาผู้รับเหมาในปี 64 เริ่มก่อสร้างปี 65 ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี แล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 68 แต่นโยบาย รฟท.จะเร่งรัดปรับแผนงานให้เร็วขึ้น โดยดำเนินการประมูลคู่ขนานกับเวนคืน ซึ่งหลังจากนี้จะเสนอคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (ซูเปอร์บอร์ด) ที่มีนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นประธาน ให้พิจารณากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อความโปร่งใสต่อไป ในขั้นตอนประมูลจะต้องจ้างที่ปรึกษาจัดทำเอกสารประกวดราคาก่อน ส่วนการเวนคืนจะต้องมีการจ้างที่ปรึกษาสำรวจ รายละเอียดอสังหาริมทรัพย์ และประเมินราคาที่ดิน ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ